ส่วนประกอบที่สำคัญของเลนส์ที่ควรทำความเข้าใจคือ รูรับแสงของเลนส์ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดปริมาณของแสงที่จะผ่านเลนส์เข้าไปสู่ตัว รับภาพหรือฟิล์ม ขนาดของรูรับแสงมีผลต่อภาพที่บันทึกได้ รวมไปถึงมีผลกับสภาพแสงที่ใช้ในการบันทึกภาพด้วย
ขนาดของรูรับแสงจะแสดงเป็นตัวเลขไว้ที่ขอบเลนส์ด้านหน้าที่เดียวกับตัวเลข ที่แสดงค่าทางยาวโฟกัสของเลนส์ เช่น 35mm. 1:2.8 หมายถึงว่าเลนส์ตัวนี้มีขนาดของรูรับแสงกว้างสุดเท่ากับ f/2.8 เลนส์แต่ละตัวจะมีรูรับแสงกว้างสุดไม่เท่ากัน เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าเลนส์ที่มีรูรับแสงเริ่มต้น แคบกว่า ประโยชน์หลักๆ ของขนาดรูรับแสงที่กว้างคือ การใช้งานในสภาพแสงน้อยๆ ที่ดีกว่า เพิ่มโอกาสในการบันทึกภาพให้มากขึ้น ปรับโฟกัสได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญทำให้ฉากหลังเบลอได้ง่ายขึ้นด้วย
รูรับแสงของเลนส์โดยทั่วๆ ไปหากเป็นเลนส์ฟิกซ์ในตัวกล้องจะมีขอบเขตที่จำกัด โดยกล้องจะระบุอยู่ในสเปค หรือในคู่มือของกล้อง ในขณะที่เลนส์ที่ใช้ในกล้อง SLR จะมีค่าเริ่มต้นตั้งแต่ f/1.4 – f/4.5 และจะไล่ลำดับกันออกไปจนถึง f/22 โดยปกติแล้วในกล้องคอมแพคจะเลือกขนาดรูรับแสงให้อัตโนมัติ สำหรับกล้องที่ให้ผู้ใช้เลือกปรับขนาดของรูรับแสงได้จะมีฟังชั่นการบันทึก ภาพให้เลือกใช้คือระบบบันทึกภาพแบบ Aperture Priority
ดังเห็นได้จากภาพว่าตัวเลขยิ่งสูง ขนาดของรูรับแสงจะยิ่งแคบลง ซึ่งหมายความว่าปริมาณของแสงที่จะผ่านเลนส์เข้าไปยิ่งน้อยมากขึ้น การเลือกใช้งานจึงขึ้นอยู่กับสภาพแสงและลักษณะของภาพที่ต้องการบันทึกเป็น หลักใหญ่ เนื่องจากขนาดของรูรับแสงมีผลต่อลักษณะของภาพที่บันทึกได้
ระยะโฟกัสภาพ – ความชัดลึกของภาพ
ก่อนที่จะพูดถึงความชัดลึกของภาพ เราควรทำความเข้าใจกับลักษณะการบันทึกภาพโดยทั่วๆ ไปก่อนว่า โดยปกติแล้วเมื่อเราบันทึกภาพหนึ่งภาพนั้นจะมีส่วนของภาพที่เราปรับโฟกัส หรือส่วนที่คมชัดที่สุดของภาพอยู่ส่วนหนึ่งเสมอ ในขณะที่ส่วนที่เหลือบางครั้งก็ชัดมากน้อยแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเมื่อเราพูดถึงความชัดลึกของภาพ เราจะหมายถึงส่วนที่อยู่นอกกรอบโฟกัสของภาพว่าจะมีระยะของความชัดมาก – น้อยเพียงใด แต่ในการที่ภาพที่ถ่ายออกมาได้ไม่มีส่วนใดที่ชัด หรือเบลอหมดทั้งภาพนั้น ไม่เกี่ยวกับระยะชัดลึก- ชัดตื้นของภาพแต่เป็นเพราะภาพยังไม่ได้โฟกัสหรือมีการเคลื่อนไหวขณะบันทึก ภาพ
ทีนี้ลองมาดูกันว่าเมื่อเราเล็งกล้องไปยังวัตถุที่จะทำการบันทึก และทำการปรับโฟกัสภาพจนมีความคมชัดดีแล้ว (หรือใช้ระบบออโต้โฟกัสก็ได้) จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังของจุดที่เราปรับโฟกัสนั้น ปรากฏชัดไปด้วย บริเวณหรือส่วนของภาพในช่วงนี้ที่เราเรียกว่า ช่วงความชัดของภาพ เมื่อช่วงนี้แคบเราเรียกว่าชัดตื้น (ส่วนที่ชัดมีน้อย) เมื่อช่วงนี้กว้างเราเรียกว่าชัดลึก (ส่วนที่ชัดมีมาก)
![]() | ![]() |
ขนาดของรูรับแสงที่เราพูดถึงข้างต้นซึ่งให้ความชัดลึกชัดตื้นต่างกันหมายถึง ในส่วนนี้ หากใช้ขนาดของรูรับแสงที่กว้างในการบันทึกภาพ ภาพของเราก็จะมีส่วนที่ปรับโฟกัสไว้ซึ่งจะมีความคมชัดดี ในขณะเดียวกันฉากหลังก็จะเบลอไปทำให้เราสามารถกำจัดสิ่งที่รกรุงรังหรือทำ ให้วัตถุที่อยู่ในภาพดูโดดเด่นขึ้นได้ ในขณะเดียวกันบางครั้งเราต้องการบันทึกภาพวิว ทิวทัศน์ หรือสถาปัตยกรรม ที่เราต้องการความคมชัดทั้งภาพ เราก็สามารถเลือกขนาดของรูรับแสงที่แคบลงมาเพื่อให้ได้ภาพที่มีความชัดลึก มากๆ ทั้งนี้การเลือกขนาดของรูรับแสงขึ้นอยู่กับปริมาณแสงในขณะบันทึกภาพด้วย นักถ่ายภาพส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้กลไกสองอย่างในการสร้างภาพ คือรูรับแสง และความเร็วชัตเตอร์ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะต้องทำงานประสานกันอยู่แล้วในการบันทึกภาพ ดังนั้นการทำความเข้าใจกับรูรับแสงและลักษณะการใช้งานจะช่วยให้เราสามารถลอง สร้างภาพในมุมมองใหม่ๆ ได้ง่ายมากขึ้น
![]() | ![]() |
ที่มา
http://camera.kapook.com/