วันนี้วันดี ปีใหม่ ท้องฟ้าแจ่มใสพาใจสุขสันต์ ยิ้มให้กันในวันปีใหม่ โกรธเคืองเรื่องใดจงอภัยให้กัน (เพื่อเพิ่มอรรถรส กรุณาใส่ทำนองลงไปด้วยค่ะ)
เริ่มต้นปีใหม่ทั้งที ก็ขอเปิดตัวกันด้วยเพลง รื่นเริงเถลิงศกจากวงสุทราภรณ์นะคะ หลายคนอาจจะคิดในใจว่า ทำไมโบราณจริง แต่เชื่อแน่ว่าทุกคน ไม่ว่าจะรุ่นไหนคงจะเคยได้ยินเพลงนี้ โดยเฉพาะในวันที่ 1 มกราคม วันเริ่มต้นปีแล้ว ถึงไม่ได้เปิดเพลงนี้เอง ก็คงมีคนเปิดให้ฟังแน่ๆ ค่ะ หลังจากเมื่อคืนนับถอยหลังส่งท้ายปี พร้อมกราบย่าโมขอพร ในตัวเมืองโคราช ตื่นเช้ารับวันใหม่ ด้วยความสดชื่น คงเป็นเพราะอากาศที่นี่ดีกว่ากรุงเทพ กลิ้งไปกลิ้งมา ท่ามกลางลมที่พัดเย็นสบายม่านหน้าต่างปลิวไปตามแรงลม สายตาไปสะดุดอยู่ที่กล้อง canon eos7d วางข้างเตียง จับขึ้นมาลูบๆ คลำๆ สัมผัสถึงความบึกบึน แข็งแรงทนทาน ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย พร้อมซีลกันน้ำกันฝุ่น ตัวกริปจับหุ้มด้วยยาง เพิ่มแรงเสียดทานด้วยพื้นผิวขรุขระ จับถนัดมือ ช่องมองภาพขนาดใหญ่ ที่มองอย่างไรก็ได้ภาพอย่างที่ตาเห็น 100 % จอความละเอียดสูง ลองถ่ายตุ๊กตาที่หัวเตียง ภาพสวย ใส เคลียร์ แต่ที่ชอบที่สุดคงเป็นช่องต่อสายต่างๆ ที่ถูกซ่อนไว้ใต้แผ่นยางด้านซ้าย ต่อได้ทั้งสาย HDMI ไมค์ และที่สำคัญที่สุด คือสายซิ้งค์แฟลชสตูดิโอ


หัวใจพองโตนึกสนุกอยากถ่ายภาพ แต่ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะไปที่ไหน เสียงนกกาเหว่าร้อง กระรอกวิ่งไล่กันบนต้นไม้ริมหน้าต่าง คิดในใจ บ้านเรานี่เป็นสวนสัตว์ย่อมๆได้เลยนะเนี่ย เลยคิดได้ว่า ขับรถไปไม่กี่กิโล ก็ถึงสวนสัตว์นครราชสีมาแล้ว ลุกขึ้นจากเตียง เตรียมไปเที่ยวปีใหม่กันเลยค่ะ
กราบย่าโม
อาบน้ำ กินข้าวรสมือแม่จนพุงกาง ได้เวลาออกเดินทางกันเสียที ขับรถจากตัวเมืองโคราชผ่านสามแยกปักธงชัย แค่เพียง 10 นาทีก็ถึงสวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์แห่งแรกและแห่งเดียวในภาคอีสาน เพียงเลี้ยวรถเข้ามาในสวนสัตว์ จะพบกับบรรยากาศแบบซาฟารี จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ระหว่างสองข้างทาง เราจะเจอนกยูง และกวางเดินเล่นอย่างอิสระ เพราะฉะนั้นอย่าขับรถเร็วนะคะ ต้องระมัดระวังสัตว์เดินข้ามถนน
จอดรถเรียบร้อย ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันปีใหม่ แต่เพราะเรามากันแต่เช้า (สวนสัตว์เปิด 8 .00 น. ? 17.00 น.) จึงได้จอดรถในร่ม จัดการเตรียมความพร้อมทั้งคนทั้งกล้องที่ได้ศึกษามาบ้างตั้งแต่คืนก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะการออกแบบพื้นฐานต่างๆ อย่างการควบคุมกล้องผ่านวงแหวนด้านหลัง และมุมบนขวา รวมไปถึงปุ่มต่างๆ ไม่ได้แตกต่างจากกล้องโปรของแคนนอนรุ่นก่อนๆ จะมีก็แต่ปุ่มถ่ายวีดิโอ ที่เพิ่มขึ้นมา ปุ่มเปิดปิดสวิตส์ที่เปลี่ยนตำแหน่ง นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นปุ่มที่ช่วยให้เรียกใช้ฟังก์ชั่นสำคัญๆ อย่างปุ่มควบคุมให้ถ่ายภาพขนาด RAW / Jpeg โดยไม่ต้องเข้าไปเปลี่ยนในเมนู ทำให้เมื่ออยู่ในสภาวะที่จะได้ภาพที่โดนใจก็สามารถสั่งให้กล้องที่ปรับไฟล์ JPEG อยู่ เปลี่ยนเป็นโหมด RAW ได้ทันที โดยไม่ต้องเข้าเมนู แถมยังสามารถเลือกขนาด raw ไฟล์ แบบ S M L เพื่อความเหมาะสมของงานอีกด้วยค่ะ
หลังจากถ่ายรูปหน้ามุมมหาชนแล้วเดินกันต่อ เพื่อเลือกวิธีการชมสวนสัตว์ ภายในมีรถให้เลือก 3 แบบ ไฮโซที่สุดคงเป็นรถกอล์ฟ ราคา ชั่วโมงละ 300 บาท หากเช่า 2 ชั่วโมง 500 บาท แต่มาคิดดูแล้ว ถ้าเพลินอยู่กับการถ่ายรูป 2 ชั่วโมงคงไม่พอ ซุ้มข้างๆ กันมีขายตัวรถไฟ ราคา 20 บาท ตลอดวัน เลยตัดสินใจซื้อ ลืมคิดไปว่ายังเช้าอยู่รถไฟกว่าจะมานั่งรอหลายสิบนาที เลยเปลี่ยนแผน เช่าจักรยานแทน ราคาชั่วโมงละ 30 บาท
จักรยานพร้อม กล้องพร้อม คนพร้อม ได้เวลาผจญภัยแล้วค่ะ จุดมุ่งหมายแรก คือ ซื้อตั๋วการแสดงแมวน้ำ รอบแรกเวลา 10.30 ดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะ 9 โมง เลยตัดสินใจไม่ชมการแสดง บริเวณจัดแสดง ชั้นบนเป็นการแสดงแมวน้ำ ส่วนชั้นล่าง ที่ถูกเจาะลงไปเหมือนอุโมงค์ เป็นที่อาศัยของเจ้านกเพนกวินค่ะ ทางเดินลงค่อนข้างมืด นกเพนกวินสัตว์จากขั้วโลกใต้ ที่ต้องอยู่อากาศเย็น เมื่ออยู่ในเมืองร้อนแบบบ้านเรา จึงอยู่ในห้องแอร์ ที่จำลองเป็นโขดหินและมีน้ำให้กระโดดเล่น

บ้านเพนกวิน
เป็นโชคดีของเราที่คนยังน้อย เพนกวินจึงไม่ตื่นตกใจ ยืนให้เราถ่ายรูปได้อย่างสบาย จะมีปัญหาเรื่องสภาพแสงน้อย แถมต้องถ่ายผ่านตู้กระจก ตั้ง ISO ออโต้ไว้ กล้องคำนวณความไวแสงไปที่ 3200 ถ่ายภาพออกมาสว่างกว่าที่ตามมองเห็น น้อยส์ถือว่านำไปใช้งานได้ แต่ไม่ได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับกล้องรุ่นใหญ่ ที่ออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน สปีดชัตเตอร์อยู่ที่ 1/20 ระบบกันสั่นของเลนส์ LENS 15-85 mm is usm macro ช่วยให้ภาพชัด บวกกับการจัดการน้อยส์ที่ความไวแสงสูงได้ดีจึงทำให้การถ่ายภาพในสภาพ แสงอย่างนี้ง่ายขึ้นมากค่ะ
เพนกวินบ้ากล้อง
ถ่ายภาพนกเพ็นกวินบ้ากล้องได้หลายภาพ อยู่ดีๆ ก็หายออกจากเฟรม พร้อมได้ยินเสียงตูม เพนกวินกระโดดน้ำ ลงมาว่ายน้ำโชว์ ว่ายไป หันมามองกล้องไป แถมมีโชว์สะบัดขนอีกต่างหาก ถ่ายรูปแทบไม่ทัน โฟกัสก็ลำบาก เพราะกระจกตรงส่วนของน้ำ ขุ่นมาก ประกอบกับแสงน้อย เป็นอันว่าต้องเปลี่ยนระบบโฟกัสเป็นแบบเลือกจุดเอง ได้ถึง 19 จุด ถึงแม้จะไปกระจุกรวมกันอยู่ตรงกลาง แต่ช่วยให้การถ่ายง่ายขึ้นมากค่ะ

เพนกวินโชว์เล่นน้ำ
เพลิดเพลินกับความน่ารักของเพนกวินอยู่นาน คนเริ่มเยอะ เสียงเริ่มดัง เจ้าเพนกวินเลยหลบเข้ามุมกันหมด ได้เวลาเดินทางต่อเสียที สถานีต่อไป คือ กรงเสือโคร่ง พยายามถ่ายละลายกรงอยู่หลายที่ แต่ระยะของเลนส์ซูมสุดที่ 85 แม้จะเปิด F กว้างสุดแล้วก็ตามก็ละลายกรงไม่ได้หมด คงต้องช่วงซูมตั้งแต่ 100 ขึ้นไป ถึงจะเหมาะสมสำหรับถ่ายสวนสัตว์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นช่วงที่ค่อนข้างอเนกประสงค์ ถ่ายได้แทบทุกสถานการณ์
ละลายกรงสุดๆแล้วก็ยังเห็นลางๆ
สัตว์ตัวต่อไปที่ตั้งใจมาดู เป็น 1 ใน 5 ของ สัญลักษณ์ของสัตว์ในแอฟริกา ที่ต้องแวะมาชมทุกครั้ง คือแรดขาว สัตว์ตัวใหญ่ ที่มากี่ครั้งก็นอนหลับร่มไม้จุดเดิม สวนสัตว์นครราชสีมามีพื้นที่ถึง 500 กว่าไร่ สัตว์จึงไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัด ใช้เลนส์ช่วงกว้างสุด 15 มม. เก็บบรรยากาศสถานที่ที่ทางสวนสัตว์จัดให้แรดขาวอยู่ จริงๆ น่าจะชื่อแรดดินแดงมากกว่า เพราะสีเหมือนดินแดง จนแยกแทบไม่ออก

ที่ 15 mm
หลังจากเก็บภาพรวมแล้ว ลองซูมแบบสุดๆ 85 mm. เข้าไปดูใกล้ๆ ว่าไม่ใช่ดินนะคะ เจ้าแรดก็เหมือนจะรู้ ว่าเรากำลังถ่ายรูป คงอยากให้เพื่อนได้เกิดบ้าง เลยขยับตัวไปข้างหน้า มองเผินๆ นึกว่าก้อนดินก้อนใหญ่เดินได้ แล้วก็ทิ้งตัวนอนฝุ่นตลบอย่างสบายอารมณ์

ซูมสุดที่ 85 mm
แวะทักทายแรดขาว เสร็จเรียบร้อย ข้ามถนนมาอีกฝั่งพบกับนิทรรศการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานแปลกๆ อย่างตุ๊กแกเลวีส ที่เห็นหน้าตอนแรกนึกว่าตุ๊กแกเกาหลีอินเทรนท์ใส่บิ๊กอาย หน้าตาคล้ายตุ๊กแกบ้านเรา มีดวงตาที่กลมโตดูน่ารัก อาศัยอยู่ในทะเลทรายในประเทศออสเตรเลีย หมุนวงแหวนซูมจนสุด เพื่อถ่ายเจ้าตุ๊กแกตัวเล็กใกล้ๆ (ตามสเป็คบอกไว้ใกล้สุดได้ 35 ซม.) โฟกัสได้รวดเร็วดังใจ เพราะเลนส์ canon รุ่นนี้มี มอเตอร์ช่วยโฟกัส (usm)
เดินชมบริเวณจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานอยู่พักใหญ่ งูจงอางตัวใหญ่กำลังกินงูเล็ก งูเล็กก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด แปลกใจว่าทำไมเข้าไปตั้งครึ่งตัวแล้วก็ยังไม่ตาย คนมุงดูจนไม่สามารถแทรกเข้าไปถ่ายรูปได้ รู้สึกหดหู่ใจ เลยรีบเดินออกจากบริเวณนั้น
นกอินเลิฟ
จิตใจไม่ค่อยดี เพราะเห็นการล่า ที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ขี่จักรยานกินลมชมวิวมาถึงมุมโปรด ส่วนจัดแสดงนกสวยงาม สะดุดตากับนกแก้ว เอคเลคตัส ปรับกล้องไปที่โหมด ถ่ายภาพต่อเนื่อง (ถ่ายได้ความเร็วสูงสุด 8 ภาพต่อวินาที ) รัวชัตเตอร์เสียงดังเหมือนรัวปืนกล ไม่ให้พลาดฉากสวีทที่ดีที่สุด เจ้าตัวเมียสีแดงบินไปคาบกล้วยมาแบ่งตัวผู้สีเขียว (สังเกตผู้ชายส่วนใหญ่โอกาสหัวล้านมากกว่าผู้หญิง) ดูน่ารักน่าชัง น่าอิจฉา ลองอ่านรายละเอียดที่ติดอยู่หน้ากรงจึงได้รู้ว่า นกชนิดนี้อยู่กันเป็นคู่ ที่แดนจิงโจ้ออสเตรเลีย ตัวเมียฟักไข่ ตัวผู้หาอาหารมาป้อน เหมือนกับคนไทยโบราณ แต่ที่เห็นตอนนี้กลับกลายเป็นเจ้าตัวเมียคาบกล้วยมาป้อนเจ้าตัวผู้ สงสัยว่าพฤติกรรมจะเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยมั้งคะ อันนี้คิดเอาเองค่ะ

นกแก้วมาคอว์อกเหลือง
กำลังเพลินอยู่กับความรักอันดูดดื่ม อยู่ดีๆได้ยินเสียตะโกนเรียก แดดมาแล้ว มาถ่ายตรงนี้ หันหลังกลับไป พบกับพี่ชายยืนชี้นกแก้วมาคอว์อกเหลือง นกแสนรู้ ที่หาดูไม่ยากแต่พบทีไรก็หยุดดูทุกที เพราะเหตุที่เขาแสนรู้ และสวยงาม จึงทำให้ตอนนี้อยู่ในความเสี่ยงที่สูญพันธุ์ แท้จริงแล้วบ้านของพวกมัน อยู่ริมฝั่งน้ำในป่าดงดิบที่มีต้นปาล์ม ในทวีปอเมริกาใต้ ปานามา อาร์เจนติน่า แสงส่องลงมาที่ถาดอาหารของเจ้านกพอดี เวลาก็สายเกือบเที่ยงแล้ว ทำให้ความต่างแสง ส่วนมืดส่วนสว่างมาก จัดการถ่ายหลายภาพ กลับถึงบ้านเอาภาพมาลงคอมดู คอมอืดมาก เพราะถ่ายไฟล์ใหญ่สุด (สงสัยต้องเสียเงินอัพเกรดคอม) รายละเอียดส่วนมืดในร่มไม้ยังอยู่ครบ ใกล้เคียงกับที่ตาเห็น

ยังอยู่กับนกไม่เลิก เพราะชอบเป็นการส่วนตัว หันไปพบเจ้านกแก้วเรนโบว์ นกอีกชนิดที่รักเดียวใจเดียว เพราะทั้งชีวิตมันจะจับคู่แค่ตัวเดียวเท่านั้น รู้สึกซาบซึ้งใจทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องรักอมตะแบบนี้ กรงที่นกชนิดนี้อยู่เป็นกระจก ในสภาพแสงค่อนข้างน้อย กล้องคำนวณ ISO ไปที่ 1250 มองเข้าไป เค้าทั้งสองกำลังดินเนอร์หรูท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยอาหารที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนอย่างข้าวโพด เสียดายที่กระจกคงผ่านการเช็ดน้อยครั้ง จึงถ่ายรูปค่อนข้างลำบาก ด้วยระยะของเลนส์ และความห่างไกล ซูมสุดๆ แล้วก็ยังได้ไม่เต็มตัว แต่ด้วยข้อดีของกล้อง Canon eos 7 D ที่ตั้งความละเอียดสูงสุดได้ถึง 18 ล้านพิกเซล ยังสามารถคร็อปเพื่อเน้นจุดสำคัญเอาไปอัดหรือลงเว็บได้โดยไม่เสียรายละเอียด

นกแก้วเรนโบว์ กินอย่างเมามัน
คนถ่ายก็ถ่ายอย่างเมามัน เจ้านกคู่นี้ก็กินกันอย่างเมามัน ถึงขนาดยกขามาช่วยถีบข้าวโพด เพื่อให้เมล็ดหลุดง่ายขึ้น ตามปรกตินกแก้วเรนโบว์แยกเพศได้ยาก แต่เมื่อดูจากท่าทางแล้วเจ้าตัวยกขาน่าจะเป็นเพศผู้ แต่หากเป็นตัวเมียคงดูไม่งาม

ควายในฝูงกวาง
อิ่มเอมกับรักอมตะของนกแก้วเรนโบว์ เป็นเวลาเกือบเที่ยง ได้เวลาไปต่อกันเสียที ส่วนที่เราตั้งใจจะไปดู ข้างหน้าเขียนว่าเป็นส่วนของควาย และนกกระจอกเทศ แต่เมื่อมองลงไปกลับเจอแต่กวางเต็มไปหมด แถมดูท่าทางหิวโซ บริเวณใกล้ๆ กันมีโต๊ะขายกล้วย และถั่วฝักยาว หวีละ 15 บาท ไว้ให้นักท่องเที่ยวให้อาหารสัตว์ เลยได้ทำบุญรับปีใหม่ อย่างสนุกสนานจนไม่เป็นอันถ่ายรูป โยนกล้วยไปซักพัก ก็มีควายตัวน้อยเดินเข้ามาขออาหาร หน้าตาน่าเอ็นดู พอเดินเข้ามา เจ้ากวางเกเรก็กระโดดถีบ ขอย้ำว่ากระโดดถีบ แบบเข่าลอย เจ้าควายน้อยก็ไม่โกรธ ทำหน้างงๆ แล้วก็ตาเบลอๆ สะกดจิตพวกเราให้โยนกล้วยลงให้ด้วยความสงสารเจ้าควายพระเอก และด้วยความหมั่นไส้เจ้ากวางตัวโกง สุดท้ายต้องไปซื้อกล้วยเพิ่ม ด้วยมารยาของทั้งควายและกวาง

อร่อยจังครับ
สนุกสนานกับการให้อาหารอยู่นาน จนเงินที่พกติดตัวมาแทบหมด เจ้ากวางพวกนี้ก็ไม่รู้จักอิ่ม ตัดใจ เดินชมสวนสัตว์ต่อ มาหยุดที่กรงลิง ตัวนี้ เห็นแววตาอันเศร้าหมอง นั่งเกาะกรงตาลอย ย้อนแสง ทดสอบระบบวัดแสงเฉลี่ยน 63 โซน ถือว่าแม่นยำทีเดียว

เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่เราขี่จักรยานวนอยู่ในสวนสัตว์แห่งนี้ ความหิวเริ่มครอบงำ จึงแวะทานน้ำและลูกชิ้นทอดคนละ 2 ไม้ กับโค๊กแช่เย็นชื่นใจ ก่อนจะเดินเข้าไปบริเวณโปรดอีกที่ คือบริเวณจัดแสดงยีราฟนั่นเอง
ยีราฟถือเป็นสัตว์ประจำสวนสัตว์ทุกที่ เพราะไม่เคยไปที่ไหน แล้วไม่เจอเจ้าคอยาวลายจุด ที่ดูน่ารักใจดี ถูกใจเด็กๆ จึงไม่แน่แปลก ที่ในส่วนการจัดแสดงส่วนนี้ คนเยอะเป็นพิเศษ การมาเที่ยวสวนสัตว์โคราชครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ดังนั้นจึงได้เห็นความต่าง ที่เมื่อก่อน ไม่มีอาหารขายให้นักท่องเที่ยวป้อนใกล้ชิด แต่ในวันนี้อาจจะเป็นวันปีใหม่ หรือเปลี่ยนนโยบายใหม่ เจ้ายีราฟใจดี เดินมากินอาหารจากมือนักท่องเที่ยวโดยไม่กลัวเกรง สร้างความสุขให้กับเด็กๆ ส่วนเจ้ายีราฟก็กินไม่รู้จักอิ่ม สร้างรายได้ให้กับสวนสัตว์ นอกจากนี้ยังทำให้รู้ว่า นอกจากยีราฟจะคอยาวแล้ว ลิ้นยังยาวไม่แพ้กันด้วย ไม่ได้พูดลอยๆนะคะ มีหลักฐานมาแสดงด้วยค่ะ

ยีราฟลิ้นยาว
ข้ามมาอีกฝั่ง จะถึงโซนจัดแสดงสัตว์หากินตอนกลางคืน เดินเข้ามาภายในตัวอาคารอย่างกับคนละโลก เพราะที่นี่จำลองไว้เพื่อสัตว์หากินกลางคืน จึงมีแสงน้อยมาก ถึงไม่มีเลย ความแตกต่างของแสงขนาดที่ทำให้มองไม่เห็นอะไรในชั่วขณะ ก่อนที่สายตาจะปรับสภาพมองเห็นลางๆได้ แต่ก็ยังมืดอยู่ดี
พยายามเพ่งไปที่กรงของสัตว์ต่างๆ แต่มองเห็นยากเหลือเกิน เห็นแต่เงาตะคุ่มๆ มืดๆดำๆ ของนกเค้าแมว นกฮูก และแมวลายหินอ่อน ปรับกล้องไปที่ ISO 6400 แล้วก็ยัไม่สามารถถ่ายได้ จึงต้องปรับความไวแสงไปที่ H หรือประมาณ iso 12800 ปรับกล้องไปที่โหมด P ซูมสุด ปรับรูรับแสงกว้างสุดเท่าที่เป็นไปได้ ความเร็วชัตเตอร์ ยังคำนวณให้ช้าถึง 1/20 วินาที ถ้าไม่ได้เลนส์ที่มีกันสั่นช่วย ในสภาพแสงมืดขนาดนี้ โอกาสภาพชัดคงยาก

ทดสอบความไวแสงสูงที่สุก H 12800
เพลิดเพลินภายในอาคารแสดงสัตว์หากินตอนกลางคืน ที่มืดสนิท จนเวลาเที่ยงครึ่ง นึกขึ้นไปว่ามีนัดกินข้าวเที่ยง เดินออกมาถึงกับหน้ามืดเพราะปรับสภาพแสงไม่ทัน แสงแดดตอนเที่ยงนี่มันแรงจริงๆ ค่ะ

ลาหน้าเหมือนถั่วแระ
ปั่นจักรยานต่อ เพื่อกลับกันเสียที ก่อนกลับ เจอลา หน้าเหมือนถั่วแระ เชิญยิ้ม ยืนเกาะรั้วหน้าสลอน อดไม่ได้ที่จะลงไปถ่ายภาพซักแชะ พร้อมเดินเก็บภาพในส่วนพิเศษต่างๆที่สวนสัตว์จัดขึ้นบริการนักท่องเที่ยว ทั้งขี่ม้า นั่งรถม้า หรือว่ายน้ำในสวนน้ำสุดอลังการ ที่พิ่งเปิดบริการได้ไม่นานพลิกกล้องขึ้นมาเช็คภาพภาพก่อนกลับบ้าน ความ คมชัด LCD กล้อง canon eos 7 D นอกจากความละเอียดสูง ทำให้มีกำลังใจในการถ่ายภาพแล้ว ยังเคลือบกันแสงสะท้อน ช่วยให้การดูภาพในที่กลางแจ้ง สบายยิ่งขึ้นไม่ต้องยกมือขึ้นมาป้อง เห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะการถ่ายวีดิโอ
คืนจักรยาน จ่ายเงินเพิ่มอีก 2 ชั่วโมง ค่าเช่าจักรยานในวันนี้จ่ายไปทั้งหมด 1 คน 90 บาท ถือว่าราคาสูงมาก ถ้าเทียบกับสวนสาธารณะทั่วไป ทำการปิดกล้องทำความสะอาดเซ็นเซอร์อัตโนมัติ ฟังก์ชั่นที่กลายเป็นมาตรฐานของกล้องแคนนอนรุ่นใหม่ๆ ขับรถบึ่งไปรับแม่ไปทานข้าวตามสัญญา มุ่งหน้าสู้ร้านอาหารอีสานแสนสุดแซ่บ

คุณภาพภาพ มาโครเทียม ที่ติดมากับเลนส์ LENS15-85 mm is usm macro
ใช้พลังงานในการเที่ยวสวนสัตว์ไปมากมาย ได้เวลาเติมพลังกันเสียที อาหารสุดโปรดก็คงหนีไม่พ้น หมูย่าง ส้มตำ ก่อนกินก็จัดการถ่ายเป็นหลักฐานก่อน เนื่องจากเลนส์ตัวนี้เข้าใกล้ได้มากกว่าเลนส์ปรกติ ทำให้เป็นเลนส์อเนกประสงค์มากขึ้น ซูมสุดๆ เปิด F กว้าง เพื่อละลายฉากหลัง ภาพที่ได้ใกล้เคียงกับภาพที่ได้จากเลนส์มาโคร
แต่หากใช้ในการถ่ายมด ถ่ายแมลงตัวเล็กๆ กำลังขยายของเลนส์ตัวนี้คงเทียบกับเลนส์มาโครไม่ได้ ตกเย็นหลังจากแอบนอนเต็มอิ่ม เดินเล่นรอบบ้าน เจอกับสงครามมดแย่งอาหาร วิ่งไปเอากล้อง ปีนบันไดเก่าๆ อย่างทุกลักทุเล คิดในใจ ถ้าตกลงมา คงต้องชูกล้องเอาไว้ก่อน คนเจ็บได้แต่กล้องห้ามเจ็บ แต่ภาพที่ได้ก็ถือว่าคุ้ม แต่อาจจะต้องใช้การคร็อปช่วยเพื่อให้มดตัวใหญ่ และน่าสนใจยิ่งขึ้น
ลักษณะของสีสัน + คุณภาพภาพโดยสรุป
จบ 1 วัน กับ Canon eos 7 D ก็ได้เวลานำรูปลงคอม ถึงแม้ภาพที่ดูผ่านจอ LCD จะสวยกว่าที่ดูผ่านจอคอมพิวเตอร์เล็กน้อย แต่คุณภาพของภาพก็ยังอยู่ในระดับมาตรฐานของกล้องเจ้าตลาดอย่างแคนอน ความละเอียดสูงสุด 18 ล้านพิกเซล ทำงานได้เอนกประสงค์ และทำการคร็อปได้โดยไม่เสียรายละเอียด การถ่ายทอดสีสัน ให้สีที่สดกว่ากล้องแคนอนรุ่นก่อนๆ แต่ยังรักษาเอกลักษณ์ของแคนอนไว้ (อาจจะเป็นที่เอกลักษณ์สีของเลนส์ ) สัญญาณรบกวนเมื่อถ่ายความไวแสงสูงๆ เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนตั้งแต่ ISO 3200 อยู่ในระดับที่ยังใช้งานได้ดี
แถมท้าย ตัวอย่างไฟล์ VDO
การถ่ายวีดิโอของกล้อง Canon 7 D สนุกมากๆ ถ่ายง่าย ปรับวงแหวนมุมขวา ข้างวิวไฟน์เดอร์ หมุนไปที่รูปวีดิโอแล้วกดปุ่มตรงกลางวงแหวนถ่าย สามารถตั้งให้หาโฟกัสอัตโนมัติได้ หรือจะหมุนแมนนวลโฟกัสก็ได้ ชดเชยแสง ให้มืดและสว่างดังใจ โดยการหมุนวงแหวนด้านหลังกล้อง ให้อรรถรสในการถ่ายภาพสนุกมากขึ้น และจะยิ่งประทับใจขึ้นไปอีก หากนำมาตัดต่อรวมกับภาพนิ่ง เรียกได้ว่าดูไปยิ้มไป นั่งหัวเราะอยู่คนเดียวได้เลยค่ะ
เป็นอันว่า จบ 1 วัน กับ Canon 7D ค่ะ
จุดเด่น
- บอดี้แข็งแรงบึกบึน ผลิตจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ ซีลอย่างดีป้องกันละอองน้ำและฝุ่น
- ความละเอียดสูงสุด 18 ล้านพิกเซล
- จอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียดสูง 920000 พิกเซล การถ่ายทอดสีค่อนข้างสด ตรงกับความเป็นจริง
- ถ่ายวีดิโอขนาดใหญ่สุด Full HD 24 เฟรม/วินาที
- สามารถเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI ,มีช่องต่อไม่โครโฟน และช่องเสียบสายซิงค์เพื่อใช้กับแฟลชสตูดิโอ
- ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 8 ภาพ/วินาที
- แฟลชครอบคลุมมากขึ้น และสามารถใช้แฟลชแบบไร้สายได้
- ช่องมองภาพขนาดใหญ่ ถ่ายภาพได้ 100 % แบบที่ตาเห็น
- โฟกัสเร็ว มีระบบโฟกัสให้เลือกหลายแบบ และแต่ความถนัด
- ปุ่มกดที่เพิ่มเข้ามา เพื่อความรวดเร็วในการควบคุมกล้อง
จุดด้อย
- ราคาค่อนข้างสูง
- สัญญาณรบกวนเมื่อความไวแสงสูงๆ ค่อนข้างมาก
- อาจต้องเสียเงินเพิ่มเพื่ออัพเกรดคอมพิวเตอร์ เพราะไฟล์ขนาดใหญ่มากทำให้ทำงานได้ช้าลงถ้าคอมไม่แรงพอ
- น้ำหนักค่อนข้างมาก
- ใช้การ์ด CF ได้เพียงอย่างเดียว
ที่มา
http://www.klongdigital.com/review/review25