9 พฤศจิกายน 2552 - บริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด เปิด ตัวบริษัท พร้อมหุ่นยนต์ตัวแรกของไทยที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ ตั้งเป้าส่งออกหุ่นยนต์ไปตลาดญี่ปุ่นภายใน 3 ปี ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเดิมหุ่นยนต์ตัวแรกป้อนธุรกิจบริการ พร้อมวางแผนผลิตหุ่นยนต์รองรับการเติบโตของงานอุตสาหกรรมครอบคลุมทั้งในและ ต่างประเทศ ดร. ศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า “สนช. เห็นความสำคัญของการส่งเสริมเยาวชนรุ่นใหม่ในการนำความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนา ต่อยอดให้เกิดธุรกิจนวัตกรรม การส่งเสริมดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างครบวงจร หากขาดความร่วมมือจากภาคเอกชน ดังตัวอย่างโครงการนวัตกรรม “ดินสอ” หุ่นยนต์บริการอัจฉริยะ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง สนช. และบริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด ที่เข้ามารับช่วงความรู้เพื่อต่อยอดและแปรรูป “ต้นแบบ” ให้ออกสู่ “เชิงพาณิชย์” ซึ่งประเทศไทยต้องการผู้ประกอบการแบบนี้ที่สามารถซึมซับองค์ความรู้และขยายความองค์ความรู้ให้ออกมาเป็นสินค้า ซึ่งถือได้ว่าเป็น สินค้าเชิงสร้างสรรค์” “การ ออกแบบเชิงนวัตกรรม ถือว่าเป็นเครื่องมือในการแปรรูปความคิดทั้งด้านศิลปะและเทคโนโลยี ซึ่งต้องยอมรับว่าการออกแบบหุ่นยนต์ที่มีปฏิสัมพันธ์ (interacting robot) นั้นต้องออกแบบในลักษณะที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ซึ่งต่างจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมโดยสิ้นเชิง “กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์” ของไทยนั้นถือได้ว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่จะสามารถสร้างฐานรายได้ใหม่ ซึ่งจะสอดคล้องกับ “ยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ที่สำนักงานฯ กำลังขับเคลื่อนกลุ่มผู้ประกอบการสร้างสรรค์บนพื้นฐานของเทคโนโลยี” ดร. ศุภชัย กล่าวเพิ่มเติม นาย เฉลิมพล ปุณโณทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด ตั้งขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการต่อยอดองค์ความรู้ของทีมวิศวกรไทยซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการผลิตหุ่นยนต์ในระดับแนวหน้าของโลก เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ในรูปแบบต่างๆ รองรับความต้องการของตลาดที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งงานบริการและงานอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ” “ตลาด หุ่นยนต์ของโลกมีแนวโน้มอัตราการเติบโตสูงมาก โดยสมาคมหุ่นยนต์ของญี่ปุ่น (Japan Robot Association) ประเมินไว้ว่าในปี พ.ศ. 2568 ตลาดหุ่นยนต์ทุกประเภทจะมีมูลค่ารวม 66,400 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เป็นหุ่นยนต์บริการ ประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์ และในปี พ.ศ. 2563 สำนักงานพัฒนาอุตสาหกรรม (Industrial Development Bureau; IDB) ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงเศรษฐกิจ ประเทศไต้หวัน ได้คาดการณ์ว่าตลาดหุ่นยนต์ทุกประเภทจะมีมูลค่ารวม 1,400,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามูลค่าตลาดรถยนต์ทั้งโลก จากทิศทางตลาดดังกล่าว จึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ที่ผลิตคิดค้นโดยวิศวกรไทย ซึ่งได้รับรางวัลแชมป์โลก ซึ่งนอกจากเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ของทีมวิศวกรไทยที่มีความสามารถในระดับ โลกแล้ว ยังเป็นการสร้างตลาดใหม่ให้กับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของประเทศด้วย โดยมีเป้าหมายให้ทุกครัวเรือนมีหุ่นยนต์ประจำบ้าน (1บ้าน1หุ่นยนต์) ในปี พ.ศ. 2562” นายเฉลิมพล กล่าวต่อไปว่า “แผนการทำตลาดหุ่นยนต์ไทยตัวแรกที่ผลิตขึ้น จะผลิตเพื่อป้อนงานบริการ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานหุ่นยนต์ในการสร้างสีสันให้ กับธุรกิจ หุ่นยนต์ตัวแรกที่ผลิตขึ้นจะนำไปใช้ในการเสิร์ฟอาหารของลูกค้า นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะผลิตหุ่นยนต์เพื่อรองรับงานบริการและ งานอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าอีกหลายราย” “การ ทำตลาดหุ่นยนต์ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด มุ่งเจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยการพัฒนาหุ่นยนต์ของบริษัทจะทำขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ หลากหลายครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น คนทำงานและผู้สูงอายุ” “สำหรับ หุ่นยนต์ไทยตัวแรกซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขึ้นตอนการผลิตจะสามารถนำไปใช้จริง ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2553 บริษัทมั่นใจว่าหลังจากหุ่นยนต์ไทยตัวแรกเปิดตัวสู่ตลาดบริการอย่างเต็มตัว จะสร้างความตื่นตัวและความต้องการจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการนำหุ่นยนต์ไป สร้างความแปลกใหม่และสนับสนุนกิจกรรมการตลาดมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว ซึ่งจากศักยภาพของทีมวิศวกรและความพร้อมในการทำตลาดของบริษัท มั่นใจว่า หุ่นยนต์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย 100% จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศตามที่ตั้งเป้าหมายไว้” สรุปภาพรวมของโครงการ: | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ที่มา
http://www.pantipplaza.com/page.php?aid=122&tmid=8&m=2&bu=