online shop: 2010

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

ของขวัญปีใหม่ชั้นดี!! TV ตอนรับปีบอลโลกชั้นยอด!! Panasonic Plasma TV 42C10 (ตอนที่ 2)

หลังจากดูภายนอกกันไปแล้วเราก็มา ติดตามดูรีวิวในส่วนของภาพกันต่อเลยนะครับว่าจะไฉไลขนาดไหนกัน โดยเมื่อทำการเปิดเครื่องขึ้นแล้วเลือกไปที่เมนูเพื่อเตรียมตัวสำหรับการ ปรับค่าต่างๆ ก็พบว่า เครื่องของ Panasonic เค้าดีนะครับที่มีภาษาให้เลือกมากมายถึง 8 ภาษาประกอบด้วย ภาษาอังกฤษ, ไทย, จีน, แขก, เปอร์เซีย, เวียดนาม , อินโดนีเซีย และฝรั่งเศส ก็ทำให้เหมาะกับคนใช้งานที่รู้ภาษาต่างกันนะครับ โดยเมื่อเรากดปุ่มเมนูเราจะพบกับ เมนูหลักๆ3 เมนูนั้นก็คือ Picture, Sound และ Setup นะครับ ส่วนปรับอะไรได้บ้างเดี๋ยวค่อยว่ากันนะครับ

มีภาษามาให้ถึง 8 ภาษา เลยนะครับ

โดย หลังจากที่ทำการเสียบปลั๊กเรียบร้อย B-Boy ก็เดินไปนั่งที่โซฟาเพื่อเตรียมตัวเพื่อการปรับแต่งภาพ โดยที่เมื่อเดินไปนั่งที่โซฟา B-Boy ก็แอบตกใจนิดๆที่เห็นหน้าของตัวเองอยู่บนจอทีวี แต่พอเมื่อเปิดทีวีขึ้นมาหน้าของ B-Boy ก็แทบจะหายไปนะครับ (ห้องปฏิบัติการของพวกเราจะมีแสงน้อยมากนะครับ อารมณ์เดียวกับโรงหนังกลายๆ อะครับ)

**โดยถ้าจะให้พูดถึงการสะท้อนก็ต้องบอกว่ามีมากกว่า PV8 และ PV7 อยู่มากอยู่นะครับ แต่ก็จะได้ในส่วนของความใส่กว่ามาทดแทน**

จากนั้น B-Boy ก็ไม่รอช้ารีบส่งสายตาให้นาย KennetH ไปนำเครื่อง Blu-ray ของ LG รุ่น BD370 เครื่องใหม่ล่าสุดที่นาย BlueprincE ได้มาใหม่สดๆร้อนๆ มาทดสอบโดยการใช้โปรแกรม INHD โดยแผ่นDVE ในการปรับค่าภาพต่างๆ ให้เหมาะสมที่สุดก่อนเริ่มการทดสอบต่างๆ ตามหลักนาย Raman Solution นั้นเองนะครับ โดยการปรับตั้งค่าของเจ้า C10 นั้นก็ทำโดยการเลือกไปที่ Manu แล้วตามด้วย Picture แล้วเลือก Viewing Mode ไปที่ Normal นะครับ ก่อนการเริ่มปรับค่าต่างตามแผ่นทดสอบ

ปรับตามนี้คือภาพที่ B-Boy และทีมงานชอบนะครับ

โดยการปรับค่าต่างๆB-Boy ปรับตามด้านล่างนี้เลยนะครับกระผม..ม

Viewing Mode	Normal
Contrast	77
Brightness	+1
Color	65
Sharpness	50
Tint	+5
Color Balance	Normal
Color Management	On
X.V. Color	Auto
P-NR	On

*** โดยที่การเช็ตค่าภาพต่างๆถูกจัดทำขึ้นที่กองบัญชาการ LCDTVTHAILAND (ครั้งนี้ห้องออกมืดหน่อยนะครับ ในการทดสอบ Plasma TV) นะครับ ด้วยสายตาของผม นาย B-Boy และ นาย KennetH ช่างภาพสุดแนว ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่ซื้อไปใช้เองก็สามารถปรับภาพได้ตามความต้องการนะครับ โดยยึดตามB-Boy แล้วแล้วค่อยปรับตามที่พอใจก็ได้นะครับ และถ้าใครปรับแบบไหนแล้วเจ๋งก็มาแชร์กันได้นะคราบ ***

จากนั้น B-Boy ก็ไม่รอช้าขอเริ่มทดสอบด้วยการแสดงภาพเคลื่อนไหวจากแผ่น DVE ก่อนนะครับ เพราะว่าB-Boy เชื่อมั่นในความเทพของในการแสดงภาพเคลื่อนไหวของPlasma TV เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะค่า “Response Time นั้นต่ำกว่า 0” โดย B-Boy ก็เลือกไปที่ Content ปราบเซียน ฉาก “เสริฟอาหาร จากแผ่น DVE” ที่ใครไม่แน่จริงผ่านยากครับ ปรากฏว่า ผ่านฉลุย ชนิดที่ไม่จำเป็นต้องดูซ้ำเป็นรอบที่สอง เลยนะครับ แจ่มมากๆนะครับ ในการแสดงภาพเคลื่อนไหว!!! แต่แล้วเจ้า C10 นั้นมี Refresh Rate อยู่ที่เท่าไหร่ละครับ (หลายท่านอาจเข้าใจว่า 100 Hz) ...แต่จริงๆแล้ว C10 มี Refresh Rate อยู่ที่ 600 Hz Sub-field Drive ซี่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทาง Panasonic คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้รับชมภาพเคลื่อนไหว หรือภาพนิ่งได้คมชัดยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนภาพเคลื่อนไหวในแต่ละฉากให้เป็นข้อมูล จากนั้นจะปรับแต่ละฉากให้แสดงออกเป็นภาพเคลื่อนไหวดับ HD โดยแต่ละฉากจะใช้เวลาการแสดงภาพสั้นลงกว่าระบบก่อนๆเพื่อลดผลกระทบที่มาจาก การปรับสัญญาณภาพ จึงทำให้เจ้า C10 มีการแสดงภาพเคลื่อนไหวที่ดีกว่า Plasma TV รุ่นเก่าๆ

ผ่านสบายๆ ในฉากปราบเซียน ฉากนี้

หลังจากที่ตั้งค่าต่างๆได้อย่างลงตัวแล้ว B-Boy ก็ขอเริ่มทำการทดสอบต่อไปเลยนะครับ ด้วยการทดสอบการแสดงความดำดูบ้างนะครับว่าจะทำได้ดีขนาดไหนกันนะครับ และโดยส่วนตัวอีกครั้งนะครับก่อนทดสอบผมก็เชื่อว่า การแสดงสีสำต้องทำได้สุดยอดแน่นอนตามหลักของ Plasma TV แต่ก็คงไม่ถึงขั้น Kuro... โดยการทำการแสดงสีดำคงไม่มีฉากไหนจะเหมาะสมไปกว่า Content ของ Pioneer “พระจันทร์ในเงามืด” ที่ตอนนี้ถือว่าเป็นมาตรฐานในการรีวิวของ LCDTVTHAILAND ไปแล้ว ซึ่งการทดสอบปรากฏว่าการแสดงสีดำนั้นทำได้ดำดีมากๆเลยนะครับนะถ้าให้เทียบ กับ LCD TV ก็ต้องบอกว่าเจ้า C10 ให้ความดำได้ดำกว่า LCD TV ตัว Top อีกนะครับ ส่วนการไล่เฉดสีในความมืดก็ทำได้ดีมากนะครับ รายละเอียดของดวงจันทร์ชัดเจนดีมากครับ ถ้าดวงจันทร์ดวงนี้ถ่ายทำในเมืองไทยก็คงได้เห็นกระต่ายวิ่งเล่นกันบนดวง จันทร์กันไปแล้ว อิอิ แต่อย่างไงซะก็คงต้องทดสอบด้วยการดูหนังกันต่อไปว่าดูหนังจริงๆแล้วจะเป็น อย่างไงกันนะครับ

ด๊ำ ดำ!!! สนิทได้ใจจริงๆนะครับ สำหรับ 42C10 ตัวนี้

หลัง จากทดสอบความดำกันไปแล้วก็ต้องมา ทดสอบความสดใสของสีสันก่อนแล้วกันนะครับ Content ผักแว่นของ BenQ ที่ B-Boy มักจะใช้ทดสอบสีสันเป็นประจำ ก็ถูกงัดออกมาใช้อีกครั้งนะครับเพื่อจะได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยจากการทดสอบก็ปรากฏว่า สีสันดูสดและเป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ถึงกับเข้มมากออกสว่างแบบสบายตาซะมากกว่านะครับ อย่างไงซะก็จะไปทดสอบเรื่องสีในการดูหนังกันอีกทีนะครับ

สีสันสดใสดีนะครับ แต่ก็ไม่สดเท่ากับ LCD TV

HD Media Player “BviX BV8068”

จาก นั้นก็ขอทดสอบด้วยการดูภาพยนตร์กันเลยนะครับโดยครั้งนี้ B-Boy ขอเริ่มด้วยการรีวิวการเล่นหนังผ่านเครื่องเล่น HD Media Box “Bvix BV8068” ที่ทางนาย BlueprincE พึ่งได้รีวิวให้ท่านได้อ่านไป ก่อนนะครับด้วยความเห่อ โดยของเริ่มจากเรื่อง “Dejavu” กันก่อนเลยเลยนะแล้วกันนะครับเพราะว่า เป็นหนังที่มีการแอ็คชั่นมากมาย การแพลนกล้องก็เยอะ จะได้ทดสอบภาพเคลื่อนไหวได้ และที่สำคัญพระเอกก็ตัวดำซะด้วย (มันเกี่ยวกันไหมนี่) โดยเมื่อดูไปก็พบกับฉากที่มีการไล่ล่ากันอยู๋หลายฉากมากนะครับ ซึ่งแต่ละฉากก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ ลื่นไหลได้ใจดี ส่วนในฉากที่มีการจับที่ใบหน้าของพราะเอกแบบชัดๆก็ให้รายละเอียดบนใบหน้าได้ ดีนะครับ แต่ตัวฉากหลังแสดงรายละเอียดได้ไม่ดีนัก ความมืดดำกลบไปหลายจุดอยู่เหมือนกัน

คุณเปลี่ยนมุมมอง.... ไปมุมไหนก็ชัด

จาก นั้นก็ใช้เจ้า Bvix ดูหนังแอ็คชั่นอีกเรื่องนึงซึ่งก็คือเรื่อง “Air Force One” ที่อาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็มีฉากแอ็คชั่นให้ดูเยอะเหมือนกัน และมีฉากมืดดำให้ดูเยอะด้วย ซึ่งผลที่ออกมากเหมือนเคยนะครับ ฉากที่มีการเคลื่อนไหวเร็วๆ หรือมีการแผลนกล่องเยอะๆไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับเจ้า C10 ส่วนในการแสดงผ่านในฉากมืดๆนั้นก็ปรากฏว่าทำได้ดีนะครับ มืดก็มืดสนิทจริงๆ ถือว่าโอ!! มากครับสำหรับการเล่นผ่าน Bvix

หาอะไรอยู่ครับท่าน ... หน้าตาดูตกใจเชียวครับ

Blu-ray Player “ LG BD 370”

หลังจากนั้น B-Boy ก็ขอเปลี่ยนมากดูหนังจากเครื่องเล่น Blu-ray “ LG BD 370” ที่พึงได้มาใหม่ล่าสุดดูอีกที่นะครับว่าจะแสดงภาพและเสียงที่มาจากแผ่น Blu-ray ได้ดีขนาดไหนกัน โดย หนังเรื่องแรกที่เลือก ก็เป็นหนังเรื่องที่เทพหลายๆท่านบอกเป็นเสียงเดียวกันนะครับว่าเหมาะสมอย่าง ยิ่งในการทดสอบความสามารถของ ทีวี นั้นก็คือ BATMAN ตอน Dark Knight นั้นเองนะครับ ซึ่งเป็นหนังท่ามันมากตั้งแต่ตอนแรกจรถึงตอนสุดท้าย ด้วยฉากการต่อสู้ต่างๆนั้นก็เป็นไปอย่างราบลื่นไร้ทีติ ที่สะดุด เสียงการต่อสู้ก็ตูมตามได้ใจดีนะครับ .. โดยเมื่อB-Boy หยุดภาพไปตรงทีลูกน้อยของ Joker กำลังตัดสายโทรศัพท์ ลายของหน้ากากที่มีการทาสีไว้ก็สวยคมชัดได้ใจดี ส่วนตัวเสื้อสีนำนั้นก็ดำดีจริงๆ แต่เสื้อนอกกับเสื้อข้างในดำกลืนกันไปจนแยกกันไม่ออก ส่วนอีกฉากหนึ่งก็ไปหยุดที่หน้าของ พี่ Batman นะครับโยดไม่ได้ตั้งใจที่จะไปดูความหล่อของหน้าทลพี่เค้า แต่ตั้งใจที่จะไปดูการไล่สีดำในฉากหลังว่าจะทำได้ดีขนาดไหนกัน ก็ปรากฏว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งนะครับ ในร่องรอยต่างๆในฉากหลังก็ชัดพอสมควรนะครับ

รายละเอียดในความมืด ก็คมชัดดีนะครับ คุณ RobiN

จากนั้นก็ขอเอาใจคอหนัง แนวซาดิต อย่าง Apocalypto นะครับ เพราะมีฉากมันส์ มัน เยอะดี โดยครั้งนี้B-Boy ก็เริ่มดูตั้งแต่ฉากเริ่มต้นเลยนะครับ ก็ปรากฏว่าฉากวิ่งไล่หมูป่าทำได้มันมากๆ ลื่นไหลไร้ที่ติด ... ฉากควักไส้ควักพุงออกมาก็แสดงรายละเอียดได้อย่างได้ใจมากๆ จนแทบจะทำได้ทานข้าวเย็นไม่ลงก็เลยทีเดียวจากนั้น B-Boy ก็ทดสอบด้วยแผ่น Blu-ray Concert ของ “Take That” และ Celine Dion แต่สำหรับในส่วนนี้ B-Boy จะขอยกยอดไปพูดในส่วนของเรื่องเสียงนะครับ... โปรดติดตามกันในส่วนของ Sound นะครับ

กูให้มึงทั้งพวงเลย... เอาปะ????

ที่มา

http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?param_id=274

ของขวัญปีใหม่ชั้นดี!! TV ตอนรับปีบอลโลกชั้นยอด!! Panasonic Plasma TV 42C10

หลังจากที่ทางทีมงาน LCDTVTHAILAND.COM ได้ทำการรีวิวทั้ง LCD TV และ LED TV กันมาเป็นระยะใหญ่ๆแล้วก็มีกระแสเรียกร้องกันมามากมายเหลือเกินนะครับสำหรับ แฟนๆของ Plasma TV ที่อยากจะให้ทางทีมงาน LCDTVTHAILAND นำPlasma TV มารีวิวบ้าง เพราะหลังจากได้ทำการ รีวิว LG 42PG60 หรือ EDGE กันไปแล้วก็ไม่มี Plasma ตัวอื่นๆ มารีวิวให้ดูกันเลย ดังนั้น B-Boy จึงไปพยายามเสาะหา จนได้ Plasma ที่ดังที่สุดในตลาดขณะนี้มารีวิวให้ได้อ่านกัน

... เจ้าPlasma TV ที่ B-Boy พูดถึงนี้ก็คือ ... Panasonic TH-P42C10T นั้นเองครับ ซึ่งต่อไปนี้ B-Boy ขอเรียกเจ้านี่ว่า C10 แล้วกันนะครับ เพื่อความง่ายนะครับ อิอิ โดยหลักๆที่ B-Boy ได้หยิบ Plasma TV มารีวิวนั้นนอกจากจะห่างหายจากการรีวิว Plaama TV ไปนานแล้วนั้น อีกเหตุผลหนึ่งก็คือช่วงนี้เป็นช่วงเข้าใกล้เทศกาลปีใหม่มากแล้ว หลายท่านก็คงกำลังรอ Bonus ออกกันอยู่ใช้ไหมละครับ อิอิ แล้วก็คงมีหลายท่านหมายมั่นปั่นมือว่า อยากจะซื้อเจ้า TV จอยักษ์เป็นของขวัญให้กับตัวเองหรือให้กับคนที่คนรักซักเครื่องหนึ่งใช่ไหม ละครับ ประกอบกับปีหน้าก็ได้ซื่อว่าเป็น “ปีบอลโลก” ซะด้วย B-Boy ก็เลยนำ Plasma TV มารีวิว เพราะจะตอบสนองความต้องการของ คอบอลได้เป็นอย่างดีนะครับ!!!

ด้านหน้าออกแนว Classic สีดำเงา

โดยก่อนจะเข้าเนื้อหาการรีวิวเรามาดูสเป็ค คร่าวๆกันก่อนนะครับ ว่าเจ้า Panasonic TH-P42C10T นั้นมีสเป็คที่น่าสนใจแค่ไหนกัน

Brand	Panasonic
Model	TH-P42C10
Size	42"
Resolution	1024 x 768
Contrast Ratio	2,000,000 : 1
SD Card	Photo JPEG
HDMI Port	2 Ports
Refresh Rate	600 Hz Sub Field Drive
Price	25,990 Baht

โดยครั้งนี้ B-Boy ก็ควบรถคู่ใจ (ขอบอกไว้นิดนึง แล้วกันนะครับว่ารถที่ B-Boy ขับไปรับทีวี ก็คือรถ New Toyota Altis รุ่น ปี 2008 นั้นเองนะครับ เผื่อใครที่สนใจซื้อแล้วนำรถไปรับเองจะได้กะขนาดกันถูกนะครับว่าจะใส่รถได้ หรือเปล่า) โดยครั้งนี้ B-Boy ไปรับสินค้ากับนาย Luffy นะครับ ที่ต้องไปกับนาย Luffy เพราะเค้าตัวใหญ่เหมาะสำหรับการช่วยยก Plasma TV มากๆนะครับ

มาถึงห้องปฏิบัติการ B-Boy และนาย KennetH ช่างภาพสุดแนว (ไหนไม่รู้..) พร้อมกับนาย Luffy ก็ช่วยกันนำเจ้า C10 ออกมาจากกล่องด้วยความระมัดระวังโดยทันที โดยตั้งแต่ไปรับเจ้า C10 มาก็พอจะรู้อยู่แล้วว่ามันหนักเอาการอยู่ แต่เพื่อความแน่ใจก็ขอดูน้ำหนักเวลาออกจากกล่องแล้วกันว่าจะหนักขนาดไหน ปรากฏว่าต่างกันไม่มากนะครับ หนักอยู่เหมือนเดิม นับว่าเป็นหนึ่งในจุดด้อยของพลาสม่า นะครับ โดยที่ในส่วนของขาตั้งนั้น ถูกจัดว่างแยกส่วนกับตัวทีวี นะครับเราต้องนำมาประกอบเอง สิ่งชิ้นส่วนแต่ละชิ้นถูกห่อหุ้มไว้เป็นอย่างดีนะครับ

B-Boy ขอเริ่มการเข้าสู่เนื้อหาการรีวิวเลยดีกว่านะครับ โดยที่ B-Boy ขอเริ่มตามถนัดเลยนะครับ คือขอเริ่มดูจากดีไซน์เป็นลำดับแรกกันอีกครั้งนะครับ โดยB-Boy เริ่มดูจากด้านหน้าก่อนนะครับ... โดยที่ตัวกรอบด้านหน้านั้นเป็นสีดำเงา มีโลโก Panasonic อยู่ตรงกลางของตัวเครื่อง และไม่ห่างจากตรงกลางมากนักก็จะมี สวิตเปิด-ปิดเครื่องอยู่นะครับ (แปลกดีนะครับเพราะส่วนใหญ่ตอนนี้ยี่ห้ออื่นเค้าชอบซ้อนปุ่มเปิด-ปิดกัน) มีโลโก “Viera” อยู่ตรงมุมบนขวามือ และมี โลโก HDMI และ SD Card ตรงมุมล่างซ้ายมือ จากนั้นก็ขอย้ายสายตาลงไปด้านล่างบ้างนะครับเพื่อมาดูที่บริเวณขาตั้ง.. โดยที่ขาตั้งนั้นจะเป็นทรง สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำมันเงาเช่นเดียวกับตัวเครื่อง โคยที่มีความแน่นหนาแข็งแรงมากๆ แต่จะมีให้ติอยู่อย่างนึง ก็ตรงที่ไม่สามารถปรับหมุนซ้ายขวา ได้ซักกะองศาเดียว

ถัดมาก็มาดูในส่วนของด้านข้างบ้างนะครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ... ในส่วนของความบางของตัวเครื่องนั้นอยู่ในระดับกลางๆนะครับ ไม่อ้วนหรือผมจนเกินไปนัก อยู่ในเกณฑ์ โอเคนะครับ โดยทางด้านซ้ายมือของตัวเครื่องนั้นจะมีปุ่มควบคุมอยู่จำนวน 5 ปุ่มด้วยกันนะครับ ประกอบด้วย Function, Volume และ Channel รวบกัน2 ปุ่ม และมีปุ่ม TV และ AV อีกอย่างละปุ่มนะครับ ส่วนทางด้านขาวมือนั้นจะมีพอร์ตสำหรับจากเชื่อมต่ออยู่นะครับ ซึ่งเราจะพูดถึงกันอีกครั้งในส่วนของ Connectivity นะครับ จากนั้นก็ไล่เรียงมาในส่วนของด้านหลังของตัวเครื่อง โดยวัสดุที่ใช้ทำฝาหลังเครื่องทั้งหมดนั้นเป็นโลหะสีออกดำๆนะครับ โดยจะมีส่วนที่เป็นพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆอยู่บริเวร ด้านล่างขวามือ โดยที่มีช่องเสียบปลั๊กอยู่ใกล้ๆกัน และไอ้ช่องเสียบปลั๊กนี้แหละครับที่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้ ....เพราะตัวปลั๊กนั้นถูกออกแบบให้มีขนาดหนาเป็นพิเศษ (หนากว่าทุกเจ้าที่เคยรีวิวมาเลยนะครับ) และก็มีสายดินมาให้ด้วย พร้อมความพิเศษสุดอีกอย่างหนึ่งก็คือมีตัวกรองไฟให้ด้วย ชอบๆๆๆ มากเลยครับ และการต่อเข้ากับหลังเครื่องก็แน่นหนาด้วยคลิปล๊อก

ปุ่มกดด้านข้างแบบปุ่มแข็ง กดง่ายดีครับ

ช่องเสียบปลั้กที่ดูแล้วปลอดภัยมากๆ แขวนกำแพงก็ไร้ปัญหา

สายไฟสุดยอดมากเลยนะครับ จะบอกให้ !!! (สายด้านขวา)

รีโมทก็ใช่งานง่ายดีนะครับ มีปุ่มลัดให้มากมาย

และ การที่พลิกมาด้านหลังนี้เองก็ทำให้เห็นว่าเจ้า C10 นั้นมีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศ .. สิงคโปร์ เพื่อนบ้านสุดไฮโซ ของเรานั้นเองครับ โดยตังแผงหน้าจอถูกส่งมาจาก ญี่ปุ่นนะครับ สำหรับตัว B-Boy เรื่องการดีไซน์สำหรับเจ้า D30 ถือว่าเฉยๆนะครับ ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ถ้าให้ชอบแนวคลาสสิก ก็อาจจะถือว่าสวยนะครับ

ด้านหลังทำจากโหละ ดูแข็งแรงดีนะครับ

ที่มา
http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?param_id=274

Full LED TV ฟ้าประทาน!!! ปิดถนน เปิดสวรรค์ Philips

อกตัวแบบล้อฟรีซะยาวมาเริ่มออกตัวการ รีวิวกันเลยดีกว่านะครับ ..โดยเหตุผลที่B-Boy เรียกเจ้า PFL9704H ว่า LED TV ฟ้าประทานก็เพราะว่าสเปคและฟังค์ชั่นต่างๆที่มีอยู่ในตัวน้องFull เค้าเทพมากมายจริงนะครับ เรียกได้ว่ามีครบเครื่องทุกกระบวนการที่เพื่อนๆคู่แข่งจากเอเชียเค้ามีกัน แถมยังมีบางอย่างที่เหนือกว่าจนคู่แข่งไม่อาจจะตามทันก็ยังมีให้B-Boy ต้องตะลึงนะครับ

เรียบหรู ดูดี มีระดับ แบบยุโรปแท้ๆ Plilips PFL9704

โดย ก่อนจะเข้าเนื้อหาการรีวิวเรามาดูสเป็ค คร่าวๆกันก่อนนะครับ ว่าเจ้า Philips PFL9704H นั้นมีสเปคเด่นๆที่น่าสนใจตรงไหนกันบ้างนะครับ... เข้าขั้นฟ้าประทานจริงหรือเปล่า???

Brand / Model	Philips : PFL9704H
Picture Engine	Perfect Pixel HD Engine
Size	40"
Resolution	1920 x 1080
Contrast Ratio	5,000,000 : 1
Response Time	1 ms
HDMI Port	5 Ports
Refresh Rate	200 Hz
Price	99,990 Baht

โดยครั้งนี้ B-Boy ไม่ต้องออกแรงไปนำเจ้า LED เทพตัวนี้มารีวิวเอง เพราะมีทีมงานนำมาจัดวางไว้ที่ห้องปฏิบัติการก่อนที่ B-Boy จะเดินทางมาถึง และการถ่ายทำการรีวิวครั้งนี้ B-Boy ก็ขอใช้ตากล้องถึง 2 ท่านนะครับคือ นาย KennetH ช่างภาพสุดแนว (ไหนก้อไม่รู้..) และนาย BlueprincE ช่างภาพมือสั่นสู้ เพื่อให้สมศักด์ศรีของ น้องFull เค้า โคยทั้ง 2 ท่านก็เตรียมอุปกรณ์กันมาอย่างครบครันเลยนะครับ ... ถึงแม้ว่าตัวทีวีนั้นจะถูกประกอบไว้แล้ว แต่B-Boy ก็ต้องขอลองยกดูเองเพื่อความมั่นใจในการทดสอบอีกทีนะครับ โดยที่น้ำหนักของเครื่องนั้นก็หนักเอาการอยู่นะครับเท่าที่เข้าใจนะครับที่ มีหนักอยู่ก็เพราะว่า ส่วนประกอบของเครื่องนี้เป็น อลูมิเนียม ซะส่วนหนึ่ง ยกไปยกมา โยกซ้ายโยกขวาจนพอใจแล้ว B-Boy ก็ขอเริ่มรีวิวอย่างเป็นทางเกินกันเลยดีกว่านะคราบ

โดยที่ B-Boy ขอเริ่มตามถนัดเลยนะครับ คือขอเริ่มดูจากดีไซน์เป็นลำดับแรกว่าจะสวยX ขนาดไหนกัน... โดยถ้าจะให้พูดถึงดีไซน์โดยรวมก่อนที่จะให้เจาะกันเป็นจุดๆ ก็ต้องบอกว่าดีไซน์ของน้อง Full ก็ต้องขอพูดแบบรวมๆกันก่อนนะครับว่า น้องFull นั้นจะมีกลิ่นไอ ยุโรป อยู่ในตัวมากมายครับ หรือถ้าจะให้ B-Boy เปรียบเทียบก็ต้องบอกว่า น้องเค้าคล้ายกับ Volvo อะครับ คือดูแน่นหนา ปลอดภัย น่าหลงไหลแบบนุ้มลึก ... โดยมีส่วนที่ขาดหายไปคือความอ่อนช้อยนั้นเองนะครับที่น้องเค้าขาดไป (ซึ่งแบรนด์ ที่ทำในส่วนนี้ได้ดีก็จะเป็นแบรนด์เอเชียเหมือนกับตลาดรถยนต์เลยนะครับ)

มองจากด้านหน้าดูดีมากๆ วัสดุที่ใช้ดูมีราคา และแข็งแรงดีม๊ากมาก

จากนั้นB-Boy ก็ขอเริ่มดูเจาะเป็นจุดๆไปเลยนะครับ โดยB-Boy จะขอเริ่มดูจากด้านหน้าก่อนนะครับ... โดยที่ตัวกรอบด้านหน้านั้นเป็นอลูมิเนียมสีเงินไม่ขัดเงา (ซึ่งการที่ไม่ขัดเงานั้นดีนะครับไม่สะท้อนแสงเข้าตาดีครับ) มีโลโก้ Philips อยู่ตรงกลางของตัวเครื่อง โดยบริเวณใกล้ๆจะมี ตัวจับ Sensor รีโมทอยู่นะ และเมื่อมองไปบริเวณใกล้ๆโลโก้เราก็จะพบกับลำโพงแบบโชว์อยู่ทั้งสองด้านเลย นะครับ (ซึ่งลำโพงแบบนี้อาจจะดูเชยๆนะครับ แต่B-Boy มั่นใจเลยนะครับว่าลำโพงโชว์แบบนี้ต้องมีดีแน่ๆนะครับ) จากนั้นมองลงต่ำไปอีกหน่อยที่บริเวณขาตั้งก็จะพบว่าขาตั้งนั้นก็ทำมาจากอลู มิเนียมไม่ขัดเงาเช่นเดียวกันนะครับ โดยที่ขาตั้งน้องเค้าสามารถปรับหมุนซ้าย- ขวาได้ประมาณ 20 องศา

ด้านข้างดูหนาอยู่พอสมควรนะครับ แต่ก็เพราะมันเป็น Full LED นั้นเองนะครับ

ถัดมาก็มาดูในส่วนของด้านข้างบ้างนะครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ... ในส่วนของความหนาของตัวเครื่องนั้นอยู่ในระดับหนาเอาการอยู่นะครับ (หนาแบบนี้ทำให้หลายๆท่านไม่แน่ใจว่าเป็น LED TV จริงหรือเปล่า เพราะหลายท่านเข้าใจว่า LED นั้นต้องบางเป็นกระดาษ) หนาแบบว่าเกือบทำให้ตัวนี้สอบตกเรื่องการออกแบบเลยนะครับ ถ้าไม่ติดว่าเป็น Full LED คงให้ตกไปแล้ว แต่พอมันเป็นเรื่องของเทคโนโลยีแล้วก็ต้องบอกว่าแบบนี้มันก็ไม่ได้หนาหรอกนะ ครับ ... โดยที่ด้านข้างนี้จะออกแนวหมูสามชั้นนะครับ ชั้นที่หนึ่งนั้นก็คือชั้นของ อลูมิเนียม ชั้นที่สองเป็นพลาสติกสีดำด้าน และในชั้นที่สามชั้นสุดท้ายของ Ambi Light ซึ่งเจ้า Ambi Light ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องเค้าดูหนา (Ambi Light คืออะไรเดี๋ยวค่อยว่ากันนะครับ) โดยบริเวณด้านข้างก็จะมีพอร์ตเชื่อมต่ออยู่ด้วยนะครับ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมีปุ่มควบคุมอยู่จำนวน 6 ปุ่มด้วยกันนะครับ ประกอบด้วย สวิตเปิด-ปิดเครื่อง, Program + และ -, Volume + และ – ตบท้ายด้วยปุ่ม Source สำหรับการเลือกช่องสัญญาณต่างๆ ซึ่งทุกปุ่มเป็นระบบสัมผัสนะครับ ซึ่งค่อนข้างไวต่อการกดมากเลยนะครับ ใช้งานง่ายสะดวกดีครับผม

ด้านหลังเรียบร้อยเป็นระเบียบดีนะครับ... แล้วกลมๆ2 วงคืออะไรเพื่อนๆทราบไหมครับ??

ลุยด้านหน้าจนหนำใจก็ขอพลิกมาดูในส่วนของด้านหลังของตัวเครื่องบ้างนะครับ ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไรกัน... โดยในส่วนของฝาครอบด้านหลังนั้นเป็นสีดำด้าน โดยจะมีส่วนที่เป็นพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆอยู่บริเวณ ด้านขวามือ โดยที่มีช่องเสียบปลั๊กอยู่บริเวณตรงกลางของตัวเครื่องใกล้กับขาตั้ง โดยวิธีการเสียบนั้นเสียบมาจากด้านล่างเครื่องนะครับ โดยที่มีการเจาะช่องระบายอากาศอยู่พอสมควรนะครับ และจุดที่ทำให้สะดุดตาในส่วนของด้านหลังของตัวเครื่องนั้นก็คือ วงกลมสองวงบริเวณด้านล่างนั้นเองนะครับที่มีตัว woofer ซ่อนอยู่นะครับ (แต่จะมีพลังซ่อนอยู่หรือไม่เดี๋ยวได้รู้กันนะครับ)

รีโมท ทำจากวัสดุชั้นดี น้ำหนักพอดีมือมากๆ

จะเอาถ่านออกมาแต่ละทียากอยู่ครับ เด็กๆ หมดสิทธิ์ครับ

สำหรับ Remote Control ของ Philips นั้น ดีไซน์ก็โอเคนะครับ วัสดุที่ใช้ก็ดูดีมากครับ ด้านหน้าเป็นอลูมิเนียมพร้อมปุ่มบังคับ 4 ทิศทางแบบวงแหวนสีโครเมี่ยมเงาเล็กน้อย จำนวนปุ่มก็จัดมาแบบ Minimalist รวมถึงการจัดตำแหน่งปุ่มต่างๆก็ใช้งานง่ายสะดวกดีครับ ส่วนด้านหลังเป็นสีด้านที่ทำมาจากวัสดุที่ดูแข็งแรงมากๆ และที่ดูแปลกแบบไม่เคยเห็นนั้นก็คือการที่เราจะเปิดฝาครอบถ่านออกมานั้นไม่ ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ เพราะเราต้องเปิดด้วยเหรียญ ถึงจะเปิดได้ ป้องกันเด็กเล่นดีนะครับ และเวลาทำตกฝาจะได้ไม่หลุดออกมาด้วยนะครับ ในส่วนตัว B-Boy เรื่องการดีไซน์สำหรับน้องFull แล้วถือว่าผ่านนะครับเพราะดูดีสไตล์ยุโรป ถึงแม้ว่าจะหนาไปแต่ก็เป็นเพราะตัวเทคโนโลยีมันบังคับ...

Net TV

ถ้าตามสูตร B-Boy ก็จะต้องรีวิวด้วยการ ปรับภาพและดูรายละเอียดของความดำ และความสดของสีสันแล้วตามด้วยการ ดูหนังจากสื่อต่างๆเป็นอันดับต่อไป แต่ครั้งนี้ B-Boy อยากจะขวางโลกดูบ้างนะครับด้วยการนำส่วนที่เป็น Extra เพิ่มต่างๆออกมารีวิวก่อนนะครับโดยในส่วนแรกนั้นจะขอรีวิวในส่วนของ Net TV กัน ก่อนเลยนะครับว่าจะเทพขนาดไหนกัน และจะสามารถใช่งานในเมืองไทยบ้านเราได้จริงหรือเปล่า โดยการเชื่อมต่อนั้นก็ทำได้2 วิธีเพียงเชื่อมต่อทีวีของคุณเข้ากับเครือข่ายหลักผ่านทาง Wi-Fi ที่มีในตัวหรือการเชื่อมต่ออีเทอร์เน็ต โดยการควบคุมต่างๆก็ทำผ่านรีโมทคอนโทรลได้ง่ายได้ โดยที่เมื่อเราเข้าไปที่หน้า Net TV นั้นก็จะพบกับ Recommended Website ทั้งหมด 11 web ที่มีความหลากหลายมากๆอาทิ Youtube (เว็บที่รวบรวมคลิปวีดีโอจากทุกมุมโลกไว้มากที่สุด , Picasa(เวปฝากรูป), Daily Motion (การทำงานคล้ายกับ Youtube นะครับ), eBay เว็บ Shopping ชื่อดัง และ อื่นๆอีกหลายเว็บ

ที่มา
http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?param_id=336

ยิ่งใหญ่ระดับนายพล!!! เพราะเค้าคือ C10 Panasonic LCD TV 32C10 (ตอนที่2)

หลังจาก ทดสอบความดำกันไปแล้วก็ต้องมา ทดสอบความสดใสของสีสันก่อนแล้วกันนะครับ Content ผักแว่นของ BenQ ที่ B-Boy มักจะใช้ทดสอบสีสันเป็นประจำ ก็ถูกเลือกนำมาใช้อีกครั้งนะครับแต่ครางนี้เราไม่ดูกันที่ผักแล้วนะครับเรา มาดูกันที่เครื่องประดับสีสันสวยสดกันบ้างดีกว่านะครับว่าจะให้สี ได้สวยสดแค่ไหนกัน... และจากการทดสอบก็ปรากฏว่าให้สีสันได้สวยสดดีนะครับ จะออกสัจัดมากๆในส่วนที่เป็นสีแดงและชมพู สีของสร้อยและลูกปัด ดูน่าสวมใส่ดีมากๆครับ ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีนะครับในส่วนของการแสดงสีสัน

สีสวยหวานสดใส มากมายเลยนะครับ

HD Media Player “BeviX BV8068

หลัง จากทดสอบจากContent หากินต่างๆไปและคราวนี้ก็ขอทดสอบด้วยการดูภาพยนตร์กันเลยนะครับโดยครั้งนี้ B-Boy ขอเริ่มด้วยการรีวิวการเล่นหนังผ่านเครื่องเล่น HD Media Box “Bevix BV8068” ที่ผมยึดมาจากนาย BlueprincE มา โดยของเริ่มจากเรื่อง “Curse of the golden flower” ก่อนเป็นเรื่องแรกเพราะหนังเรื่องนี้ให้สีสันได้สวยจับอกจับใจยิ่งนัก ก็นั่งดูไปหลายๆฉากที่มีการให้สีสันที่หลากหลายและเป็นสีเจ็บๆทั้งนั้น ก็แสดงสีได้ดีเมื่อเปรียบเทียบกับ LCD TV แบบ HD Ready อื่นที่เคยรีวิวมา และสีที่จะแสดงมาได้สดเป็นพิเศษก็คือสีโทนแดงนะครับ ... จากนั้นก็ขอดูหนังที่มีการต่อสู้แบบโหดๆบ้างดีกว่า และมือก็ไปชี้เอาที่เรื่อง Gladiator โดย B-Boy หยิบรีโมทของเจ้า BeviX BV8068 เลือกไปที่ตอนใกล้ๆฉากจบเลยดีกว่าเพราะฉากมันๆอยู่ตอนนั้นซะเยอะ แล้วผมก็มาหยุดอยู่ที่ฉากสุดท้ายของเจ้าชายจอมโกงที่กำลังจ้องตากับพระเอก อยู่ เป็นฉากที่ B-Boy ได้เห็นว่า การไล่สีดำนั้นออกจะจมๆไปบ้างการแสดงรายละเอียดต่างๆบนใบหน้าและผมยังมีส่วน ที่รายละเอียดตกหล่นไปบ้าง

ฉากนี้สีสด และหลากหลายได้ใจดีจริงเลยครับ

ซูมใกล้ๆ ลายระเอียดมีตกหล่นไปบ้างเล็กน้อย

จาก นั้นก็ขอกระตุ้นตัวเอไม่ให้รีวิวแล้วง่วงด้วยการนำ Content ของ Victoria’s Secret ที่ถูกบันทึกมาจาก HD TV จากเมืองนอกที่B-Boy อัดไว้ใน เครื่อง BviX ออกมาดูและก็เป็นการกระตุ้นตากล้องนาย KennetH ไม่ให้ง่วงด้วยเช่นกันนะครับ โดยที่ก็มีฉากมืดๆ สลัวๆ ให้ได้เห็นกันอยู่หลายฉากนะครับ ซึ่งการแสดงผลในฉากเหล่านั้นก็อยู๋ในเกณฑ์ที่น่าพอใจนะครับแม้ว่าจะมีการดำ จมให้เห็นอยู่บ้างก็ตามที

So Sex.......Y รักนะจุ๊บๆๆๆๆ

ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆสักคำให้ลึกซึ้ง... ซี๊ดจริง!!!

Blu-ray Player “ LG BD 350”

หลังจากนั้น B-Boy ก็ขอเปลี่ยนมากดูหนังจากเครื่องเล่น Blu-ray “ LG BD 350” กันบ้างนะครับว่าจะแสดงภาพและเสียงที่มาจากแผ่น Blu-ray ได้ดีขนาดไหนกัน โดย หนังเรื่องที่นาย Kenneth เลือกหยิบใส่เครื่องเล่น Blu-ray ผมนั้นก็คือ “The Mummy ตอน Tomb of the Dragon Emperor” โดยที่เรื่องนี้มันก็มีความโดดเด่นต้องที่มีการรบกันบ่อยมากๆ มีการวิ่งเยอะ และที่สำคัญมีการแพลนกล่องไปมาซ้ายขวามากจริงๆ สิ่งก็ปรากฏว่าถ้ามีการแพลนกล่องในระดับปรกติ ไม่เร็วมากนักก็จะมีมีปํญหาอะไรนะครับ แต่ถ้าเป็นการแพลนกล้องซ้ายไปขวาแบบเร็วมากๆ ก็จะมีอาการเบลอให้เร็วอยู่นะครับ

เอาไงดีอะเธอ หนีกันเลยดีหรือเปล่าจ๊ะ???

ฉากเคลื่อนไหวเร็วๆมีอาการเบลอให้เห็นอยู่บ้าง

จาก นั้นก็ทดสอบด้วยหนังเทพอย่าง BATMAN ตอน Dark Knight ที่ขาดไม่ได้ในการทำการทดสอบแทบจะทุกครั้งโดย B-Boy เพราะเป็นหนังที่วัดฉากมืดได้ดีเหมาะ Content ดวงจันทร์ในเงามืดของ Pioneer ซึ่งการการทำสอบก็ปรากฏว่า มีหลายฉากที่พี่ Bat Man ของผมอยู่ในที่มืดๆ เช่นอยู่ในรถนั้น ตัวของที่เค้าจะกลื่นกับฉากมากไปจนบ้างทีแทบแยกไม่ออกนะครับ

ความดำในฉากนี้ออกจะจมๆไปหน่อยนะครับ

จาก นั้นก็นำ Content “Pororo3” ที่เป็นหนังการ์ตูน ที่มีการแสดงสีสันที่สดใสและน่ารักมากๆ มาลองเปิดเล่นดูก็ปรากฏว่า แสดงสีสันและความน่ารักของตัวการ์ตูนได้อย่างดีมากๆ นะครับ ซึ่งการทดสอบทั้งการเปิดจาก BviX และ เครื่องเล่น Blu-ray ทำให้พบว่าการแสดงสีสันของ C10 นั้นทำได้ในเกณฑ์ที่ดีมากๆนะครับ

ท่าน C10 สีสดถือว่าเยียมจริงๆนะครับ

... และครั้งนี้ B-Boy ก็ใช่เครื่องเล่น Blu-ray เล่นแผ่นอื่นๆที่ไม่ใช่แผ่น Blu-ray บ้างนะครับเพราะทุกๆครั้งผมจะใช้แต่แผ่น Blu-ray (จริงแล้ว B-Boy ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะครับแต่นาย น้องชายของนาย Luffy ไปโดนคนขายที่คลองถมหลอกขาบแผ่น Blu-ray ปลอมมาอะครับ เพราะจริงๆแล้วแผ่นนั้นเป็นแผ่น DVD ที่บันทึกไฟล์ AVCHD เอาไว้ และก็โชคดีมากนะครับที่ เจ้าเครื่องเล่น Blu-ray ที่ B-Boy ใช้อ่านไฟล์ AVCHD ได้ด้วยนะครับ... ซึ่งภาพที่แสดงออกมาจากไฟล์ AVCHD ก็ให้ความคมชัดของภาพในระดับใกล้เคียงกับ Blu-ray เลยนะครับ

AVCHD ท่านC10 ก็แสดงภาพได้ดีมากนะครับ

Aspect Ratio สามารถปรับได้ถึง 8 รูปแบบ

ที่มา
http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?param_id=319

ยิ่งใหญ่ระดับนายพล!!! เพราะเค้าคือ C10 Panasonic LCD TV 32C10

โดย เหตุผลหลักๆที่นาย B-Boy สุดน่ารักเลือกเจ้า C10 เครื่องนี้มารีวิวก็เพราะว่าจ้า C10 มีราคาที่น่าสนใจมากๆ สำหรับแบรนด์เก่าแก่และน่าเชื่อถืออย่าง Panasonic และไม่เพียงแค่มีราคาที่น่าสนใจเท่านั้นแต่สเปดต่างๆ ก็ ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลยนะครับแถมยังมีลูกเล่นบางอย่างที่ยี่ห้ออื่นไม่มี อีกด้วยนะครับ

จุดขายหลักๆ ถูกนำมาติดไว้ที่มุมบนด้านหน้าของตัวเครื่องอย่างชัดเจน

โดย ก่อนจะเข้าเนื้อหาการรีวิวเรามาดูสเป็ค คร่าวๆกันก่อนนะครับ ว่าเจ้า Panasonic TH-L32C10T นั้นมีสเปคเด่นๆที่น่าสนใจตรงไหนกันบ้างนะครับ

Brand	Panasonic
Model	TH-L32C10
Size	32"
Resolution	1366 x 768
Contrast Ratio	20,000 : 1
SD Card	Photo JPEG
HDMI Port	2 Ports
Panel	IPS-Alpha (WXGA) LCD Panel
Price	16,990 Baht

โดยครั้งนี้ B-Boy ก็ควบรถคู่ใจไปรถ เจ้า C10 มาทำการรีวิวเองอีกครั้งนะครับ โดยครั้งนี้ B-Boy ขอฉายเดี่ยวไปรับเจ้า C10 เพียงลำพังนะครับเพราะคิดว่า LCD TV ขนาด 32” B-Boy น่าจะรับมือคนเดียวไหว ... แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิดนะครับว่าเจ้า 32C10 ยกง่ายๆ สบายมือมากเลยนะครับ B-Boy จับใส่เบาะหลังรถได้อย่างสบายมือเลยทีเดียวนะครับ แถมยังเหลือทีให้สาวๆ นั่งได้อีกคนนึงอย่างสบายๆเลยนะครับ

เมื่อB-Boy ซิ่งกลับมาถึงห้องปฏิบัติการ B-Boy และนาย KennetH ช่างภาพสุดแนว (ไหนไหนไม่รู้..) ก็รีบจัดแจงเตรียมพื้นเพื่อทำการทดสอบทันที โดยที่มีนาย BlueprincE มาร่วมด้วยช่วยกันอีกแรง โดยที่การติดตั้งครั้งนี้ทำได้ง่ายดายมากเลยนะครับเพราะขาตั้งก็ไม่ต้องมี การประกอบใดๆทั้งสิ้นเพียงแค่นำขาตั้งว่าลงบนโต๊ะและนำตัว LCD TV สวมลงไปไขน๊อต 4 ตัว เสียบปลั๊ก ทุกอย่างก็เรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่น พร้อมทำการทดสอบทันทีนะครับ (สำหรับเพื่อนผู้ชาย B-Boy หมั่นใจเลยนะครับว่าสามารถประกอบด้วยตัวคนเดียวอย่างสบายๆ ส่วนคุณผู้หญิงช่วยกันสองคนก็กำลังดีนะครับ)

หลังจากประกอบเรียบร้อย B-Boy ขอเริ่มการเข้าสู่เนื้อหาการรีวิวเลยดีกว่านะครับ โดยที่ B-Boy ขอเริ่มตามถนัดเลยนะครับ คือขอเริ่มดูจากดีไซน์เป็นลำดับแรก... โดยถ้าจะให้พูดถึงดีไซน์โดยรวมก่อนที่จะให้เจาะกันเป็นจุดๆ ก็ต้องบอกว่าดีไซน์ของเจ้า 32C10 เครื่องนี้เป็นแบบ Pany Classic Style โดยแท้นะครับ เพราะการออกแบบโดยร่วมๆนั้นก็จะออกแนว classic (หรือหลายๆท่านอาจจะเรียกว่าโบราณ...) เพราะการออกแบบจะดูเป็นแบบเหลี่ยมๆ ทื่อๆหน่อย ไม่มีการออกแบบที่แหวกแนวเหมือนกับยี่ห้อจากเกาหลี หรือจากเพื่อนร่วมชาติที่เริ่มมีดีไซน์แหวกๆ ออกมาให้เห็นกันบ้างแล้วอย่าง Sony, Sharp หรือแม้กระทั้ง Toshiba แต่ก็ไม่ได้แปลว่าขี้เหร่นะครับเพราะมันดูเข้มแข็งดูดีไปอีกแบบนะครับ

จาก นั้นB-Boy ก็ขอเริ่มดูเจาะเป็นจุดๆไปเลยนะครับ โดยB-Boy จะขอเริ่มดูจากด้านหน้าก่อนนะครับ... โดยที่ตัวกรอบด้านหน้านั้นเป็นสีดำเงา มีโลโก Panasonic อยู่ตรงกลางของตัวเครื่อง โดยบริเวณใกล้ๆจะมี ตัวจับ Sensor รีโมทอยู่นะครับมีโลโก “Viera” อยู่ตรงมุมบนขวามือ และมี โลโก HDMI และ SD Card ตรงมุมล่างซ้ายมือ จากนั้นก็ไล่ลงไปดูกันที่ขาตั้งนะครับ.. โดยที่ตัวขาตั้งนั้นมีการออกแบบเป็นรูปวงรี โดยที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางค่อนข้างเล็กนะครับเป็นสีดำด้าน โดยที่ไม่สามารถปรับหมุนซ้ายขวา ได้นะครับจะหมุนที่ก็ต้องปรับหมุนทั้งจอก็ไปเลยทีเดียว

มุมหน้า เงางามแบบ Classic

ถัด มาก็มาดูในส่วนของด้านข้างบ้างนะครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ... ในส่วนของความหนาของตัวเครื่องนั้นอยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปทางผอมนะครับ(เพราะเป็น 32” ด้วยจึงดูไม่อ้วนนัก) โดยทางด้านซ้ายมือของตัวเครื่องนั้นจะมีปุ่มควบคุมอยู่จำนวน 6 ปุ่มด้วยกันนะครับ ประกอบด้วย สวิตเปิด-ปิดเครื่อง, Function, Volume และ Channel รวบกัน2 ปุ่ม และมีปุ่ม TV และ AV อีกอย่างละปุ่มนะครับ ส่วนทางด้านขาวมือนั้นจะมีพอร์ตของ VIERA IMAGE Viewer หรือช่องเสียบ SD Card อยู่นะครับ

ปุ่มกดด้านข้างใหญ่และนูน กดง่ายดีครับ

VIERA !!! ซ่าสุดๆๆ

วัดขนาดด้านข้างกับ BB ของนาย Roman

หลัง จากมองหน้าและมองข้างจนหนำใจแล้วก็ขอพลิกมาดูในส่วนของด้านหลังของตัว เครื่องบางนะครับว่าหน้าตามันเป็นอย่างไรกัน... โดยในส่วนของฝาครอบด้านหลังนั้นเป็นสีดำด้าน โดยจะมีส่วนที่เป็นพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆอยู่บริเวร ด้านล่างขวามือ โดยที่มีช่องเสียบปลั๊กอยู่ใกล้ๆกัน โดยที่มีช่องปลั๊กไฟอยู่บริเวณด้านล่างสุดของหลังเครื่อง และการที่พลิกมาด้านหลังนี้เองก็ทำให้เห็นว่าเจ้า C10 นั้นมีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศ ไทยบ้านเรานั้นเองนะครับ โดยตัวแผงหน้าจอถูกส่งมาจาก ญี่ปุ่นนะครับ สำหรับตัว B-Boy เรื่องการดีไซน์สำหรับเจ้า D30 ถือว่ากลางๆ นะครับ ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ถ้าให้ชอบแนว Pany Classic Style ก็อาจจะถือว่าสวยและดูดีนะครับ

ด้านหลังดูเป็นระเบียบดี พร้อมช่องระบายอากาศอย่างทั่วถึง

รีโมทขนาดพอดีมือ พร้อมปุ่มลัดที่ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

หลังจากดูภายนอกกันไปแล้วเราก็มาสาวไส้ออกมาดูตัวภาพกันบ้างนะครับว่าจะเทพ หรือไม่เทพกันอย่างไรกัน โดยเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา B-Boy ก็รีบเขาไปที่ Manu เพื่อทำการเปลี่ยนภาษาก่อนเพราะเครื่องที่ได้มานั้นตั้งเป็นภาษาจีนเอาไว้อะ ครับ B-Boy จนปัญญาอ่านไม่ออกจริงๆ (ถึงแม้ว่าจะเคยจีบสาวหมวยมาแล้วหลายรายก็ตาม อิอิ) โดยเมนูภาษานั้นดีมากนะครับเพราะมีภาษาให้เลือกมากถึง ถึง 8 ภาษาประกอบด้วย ภาษาอังกฤษ, ไทย, จีน, แขก, เปอร์เซีย, เวียดนาม , อินโดนีเซีย และฝรั่งเศส ดีมากนะครับผู้ใช้อย่างเราๆ จะได้เลือกใช้ภาษาที่ถนัดที่สุดได้โดยเมื่อเรากดปุ่มเมนูเราจะพบกับ เมนูหลักๆ3 เมนูนั้นก็คือ Picture, Sound และ Setup นะครับ โดยภายใต้เมนูหลักทั้ง 3 เมนูนั้นมีทีเด็ดอะไรกันบ้างมาตามดูกันได้เลยนะครับ

หน้าเมนูหลักมีให้เลือกอยู่ 3 เมนู Picture, Sound และ Setup

มีภาษาให้ถึง 8 ภาษาพอใจไหมจ๊ะหลานรัก??

โดยการทดสอบขั้นแรกนั้น B-Boy ก็จะขอทำการปรับค่าสมดุลในการทดสอบตามหลัก Raman Solution ก่อนนะครับเพื่อที่จะได้ค่าภาพออกมาได้มาตรฐานเดียวกับการรีวิวครั้งอื่น โดยครั้งนี้เราจะทำการทดสอบด้วยเครื่องเล่น Blu-ray ของ LG รุ่น BD350 นะครับ โดยการทดสอบทางทีมงานจะใช้โปรแกรม INHD ในการทดสอบโดยใช้แผ่นDVE พร้อมแวนตาสุดแนวในการวัดค่าในการปรับค่าภาพต่างๆ โดยการปรับตั้งค่าของเจ้า C10 นั้นก็ทำโดยการเลือกไปที่ Manu แล้วตามด้วย Picture แล้วเลือก Viewing Mode ไปที่ Normal นะครับ ก่อนการเริ่มปรับค่าต่างๆตามแผ่นทดสอบ

B-Boy ปรับแบบนี้แล้วคุณละครับ???

โดยการปรับค่าต่างๆB-Boy ปรับตามด้านล่างนี้เลยนะครับกระผม..ม

Viewing Mode	Normal
Contrast	60
Brightness	-2
Color	46
Sharpness	44
Tint	+2
Color Balance	Normal
Color Management	On
Eco Mode	Off
P-NR	Mid

*** โดยที่การเช็ตค่าภาพต่างๆถูกจัดทำขึ้นที่กองบัญชาการ LCDTVTHAILANDนะครับ (เป็นครั้งท้ายๆแล้วนะครับที่เราจะใช้ฐานทัพนี้ในการรีวิว... เพราะแว่วๆว่าเรากำลังจะได้ฐานทัพใหม่เร็วๆนี้ อิอิ) ด้วยตา 4 ดวงกลมๆของผม นาย B-Boy และ นาย KennetH ช่างภาพสุดแนว ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่ซื้อไปใช้เองก็สามารถปรับภาพได้ตามความต้องการนะครับ โดยยึดตามB-Boy แล้วแล้วค่อยปรับตามที่พอใจก็ได้นะครับ และถ้าใครปรับแบบไหนแล้วเจ๋งก็มาแบ่งปันผลงานกันได้ตามเคยนะคราบ ***

และ เนื่องด้วยวันนี้นาย KennetH ช่างภาพสุดแนว มีนัดกับสาวไว้จึงเร่งให้ B-Boy เร่งลงมิรีวิวทันที โดยเพื่อการประหยัดเวลาไม่ต้องเอาแผ่นเข้าแผ่นออก B-Boy จึงขอทดสอบภาพเคลื่อนไหว ด้วย Content ปราบเซียน ฉาก “เสริฟอาหาร จากแผ่น Blu-ray DVE” ที่ใครไม่แน่จริงผ่านยากครับ... ก็ปรากฏว่าเจ้า C10 ก็เจอปํญหาอยู่นิดหน่อยนะครับในฉากเสริฟอาหารยังมีการกระตุกเล็กๆให้เห็น อยู่บ้างนะครับ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดว่ารับไม่ได้นะครับ ก็ยังถือว่าอยู่ในมาตรฐานของ LCD TV 50/60 Hz นะครับ แต่จากวัดด้วยฉากเพียงแค่ฉากเดียวคงไม่ได้นะครับ เดี๋ยว B-Boy จะทดสอบด้วยฉากอื่นๆจากภาพยนต์อีกทีนะครับ

ที่มา
http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?param_id=319

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

ใหม่ถอดด้าม !!! รีวิวแกะกล่อง Sony 32BX300 ประหยัดตังค์ ฟังก์ชั่นเยอะ คุ้มสุดๆ

และ แล้วผมก็ได้ Sony 32BX300 รุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2010 มาริวิวกันแบบเต็มๆครับ เห็นมีหลายท่านเล็งรุ่นนี้ของ Sony เพราะเป็นรุ่นราคาประหยัด ขอท้าวความจากปีที่แล้วก่อนนะครับ Sony ได้ออกรุ่น T Series ออกมาเป็นรุ่น Fighting ตัวล่างสุด ซึ่งก็แอบฮือฮาพอสมควรที่ถึงแม้เป็นตัวราคาประหยัดเพราะแถม FM Tuner ให้ ทีนี้เข้าสู่ปี 2010 Sony ก็ออก Line Up ใหม่ปี 2010 มีทั้ง BX EX และ NX Series เอาเป็นว่าผมบอกได้เลยว่าตัวนี้ “ลูกเล่นและฟังก์ชั่น” ที่เค้าแถมมมาจะคุ้มกว่าตัว T Series ปีที่แล้วแน่นอน !!!

มาดูสเป็คคร่าวๆกันก่อนเลยครับ

หรือคลิ๊กที่นี่ !!! เพื่อดูสเป็ค 32BX300 กันแบบเต็มๆ

Model	32BX300
Resolution	1366 x 768p
Picture Engine	BRAVIA Engine 3
Contrast Ratio	100,000:1
Live Color	Yes
HDMI	2
USB	1
FM Radio	1
Price	14,990 Baht

ด้านหน้า
กรอบเป็นสีดำเงาแล้วครับ เย่ห์ เย่ห์ !!! (หลังจากทนแบบดำด้านมานานเมื่อปีที่แล้ว) ส่วนตรงกรอบด้านล่างจะนูนขึ้นมากว่ากรอบทางด้านซ้าย ขวา และบน คาดว่าเป็น Trend Design ในปีนี้ของ Sony ส่วนโลโก้ Sony เป็นเล็กเงาแว่บอยู่ตรงกลางเช่นเดิม ส่วนด้านบนซ้ายก็ยังมี Logo BRAVIA สกรีนกำกับคุณภาพตามสูตรสำเร็จ

ดีไซน์สีดำเงาแล้วจ้า !!! เน้นเรียบง่ายครับ

BRAVIA สัญลักษณ์แห่งคุณภาพ สกรีนอยู่บนมุมซ้ายบนตามสูตรสำเร็จ

Sticker บอกจุดขายเทคโนโลยีต่างๆ ใช้ BRAVIA Engine 3 และมี FM ด้วย

ไฟ LED บอกสถานะเครื่องเปิด/ปิดครับ

ด้านหลัง
สีดำด้านแบบเดิมๆครับ ดูเรียบๆ มีแผงช่องต่ออยู่ด้านหลัง พร้อม Sticker บอกรุ่น 32BX300 รองรับ 50Hz/60Hz รับประทานไฟประมาณ 109 Watts

แผ่นหลังสีดำด้าน มาพร้อมปลั๊กแบบติดมากับตัวเครื่อง

แผงช่องต่อด้านหลังครับ มี HDMI / Component / AV

ด้านข้าง
ด้านข้าง ทางด้านซ้ายเป็นช่องต่อด้านข้างครับ อาทิ USB, HDMI, RGB, AV ส่วนด้านขวาเป็นปุ่ม Hard Button พวกปุ่ม Power Volume+ - Channel +- Input และ Menu แต่ผมขอติว่าการดีไซน์ตัวอักษรทำเป็นเซาะร่องลงไป ทำให้บางทีถ้าเราไม่สังเกตุดีๆจะไม่เห็นว่ามันเป็นปุ่มอะไร โดยส่วนตัวชอบแบบที่ “ตัวอักษร” เป็นสีที่ตัดกับสีตัวเครื่องมากกว่าเช่น “สีขาว”

ด้านข้างมี Side RGB / HDMI / AV / USB มากันครบเลย !!!

ฐานตั้ง
ฐานตั้ง Sony คราวนี้มาแปลก ตรงแกนกลางไม่ประกอบสำเร็จรูปมาให้นะครับ ต้องเอาน็อต 3 ตัวไขยึดประกบกับฐานล่าง เป็นแบบเดียวกับค่ายเกาหลีเลย สำหรับสีของฐานตั้งเป็นสีดำเงาเข้ากับดีไซน์ของตัวทีวีพอดี แต่เสียดายปรับหมุนซ้ายขวาไม่ได้อะ

ฐานตั้งสีดำเงาครับ เป็นแบบ Fixed ปรับหมุนซ้ายขวาไม่ได้

รีโมท
มีดีไซน์ที่ใหญ่ขึ้นครับ ออกแนว “เหลี่ยมจัด” 555+ ปุ่มการใช้ง่านหลักๆให้มาพร้อมครับ อาทิเช่นปุ่ม Menu, Scene, Tools มีขนาดใหญ่กดง่าย หาเจอง่าย พร้อมปุ่มบังคับ 4 ทิศทางทำให้ และปุ่ม “OK” ตรงกลางเพื่อเลือก อย่างไรก็ตามเวลาใช้ Controller 4 ทิศทาง มือก็มักจะไปโดนปุ่มพวกปุ่ม Tool, Menu ที่อยู่รอบๆเสมอๆครับ อันนี้ประสบการณ์จริงเอามาแชร์เล็กน้อย ส่วนถ่านที่ใช่ก็ AAA 2 ก้อนครับ โดยรวมแล้วรีโมทดีไซน์ผ่านสำหรับ LCD TV รุ่นประหยัด

รีโมทคอนโทรลครับ ปุ่มสำคัญๆให้มาครบ ได้มาตรฐานชายญี่ปุ่น

สำหรับปี 2010 เจ้า 32BX300 ก็มีฟังก์ชั่นด้านภาพที่อัพเกรดมาจากปี 2009 หลายอย่างครับ อาทิเช่น ชิพประมวลภาพ BRAVIA Engine 3, อัตรา Contrast 100,000:1, Intelligent Picture Plus เพิ่มความคมชัดให้สัญญาณฟรีทีวี ส่วนความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1366 x 768 ครับ เอาเป็นว่าเรามาดูผลการทดสอบกันดีกว่า

ทดสอบจาก Blu-ray Player
เริ่ม จากใช้แผ่น Digital Video Essential มาปรับภาพให้เหมาะสมกับสภาพห้องและสายตาของทีมงานครับ โดยโจทย์ในวันนี้ก็คือ ภาพของ BX300 มีความคมชัดโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีความสว่างอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ส่วนสีสันผมว่าแอบชืดไปนิดนึงเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ครับ ผมก็เลยลองปรับค่าต่างๆ เพื่อให้ “สีสันสดใสขึ้น” “Noise อยู่ในระดับปานกลาง” เพื่อที่ภาพจะยัง “คงคมคมชัด” และ “มีรายละเอียดที่ดีอยู่” ลองดูค่าภาพที่ปรับได้เลยครับ

ค่าภาพที่ทีมงานปรับได้ ลองเอาไปใช้ดูได้เลย

ค่าใน Advanced Setting

Picture Setting
Backlight 7
Contrast 95
Brightness 52
Color 53
Sharpness 10
Digital Noise Reduction: Off
MPEG Noise Reduction: Off

Advanced Setting
Live Color: High

ผมปรับในโหมด Custom ครับ ภาพที่ได้สีสันสดใสขึ้น Noise ไม่เยอะจนกร้าน ความคมชัดและรายละเอียดก็โอเคเลยใช้โหมดนี้และค่าภาพแบบตามนี้เป็นตัวทดสอบ ซะส่วนใหญ่

สำหรับ Aspect Ratio ของ BX300 มีตามรูปด้านล่างครับ

Wide Mode: Full เต็มจอ 16:9 พอดี ฟิตเปรี๊ยะ !!!

Wide Mode: Zoom ซูมเข้ามาโดยสัดส่วนไม่เพี้ยน หากอยากดูหนัง 2.35:1
แบบไม่ให้แถบสีดำบนล่างรบกวนสายตามากนัก

Wide Mode: Wide Zoom ครับ ซูมข้างเข้ามาพอสมควร ส่วนด้านล่างซูมเข้ามาเพียงเล็กน้อย

ทดสอบภาพเคลื่อนไหวกับฉาก “ห้องอาหาร” เพื่อวัดความเนียนของภาพเคลื่อนไหวของ “ฉาก” และ “วัตถุ” ซึ่งเจ้า BX300 เป็น LCD TV 50Hz/60Hz ธรรมดาๆนะครับ ภาพก็เลยมีกระตุกๆ ไม่ได้ไหลลื่นถึงขนาดนั้นตามสูตร ซึ่งเมื่อเทียบกับ LCD TV 32” 50Hz/60Hz Brand อื่นๆผมว่าก็พอๆกันครับ

ภาพเคลื่อนไหวพอได้สำหรับจอทีวี 50Hz/60Hz มีกระตุกบ้าง

หลัง จากนั้นได้ลอง BATMAN: THE DARK KNIGHT Blu-ray Disc ซึ่งภาพกับ Source Hidef สุดแหล่มเรื่องนี้ ออกมาได้ดีเยี่ยมทั้ง “สีสัน” และ “รายละเอียด” แต่ก็ยังไม่เทียบเท่าพวก Full HD นะครับ อาจจะติดเรื่อง “ดำจม” บางฉาก สามารถใช้ฟังก์ชั่น Dynamic Contrast ปรับเป็น Low หรือ Medium ช่วยได้ระดับนึง ช่วย“ดึง”รายละเอียดส่วนมืดที่จมไปสว่างขึ้นมา

Batman: The Dark Knight คมชัดมีมิติดีครับ สีสันสดสว่าง

Joker นำแสดงโดย ฮีท เล็ดเจอร์ ขวัญใจผมเลย มิติภาพพอใช้ได้

ดูการ์ตูน Monster VS Alien ภาพสว่างดีครับ สีสันอาจต้องใช้ LIVE COLOUR ช่วยดึงความสดขึ้นมา

หน้า 1 | 2 | 3

ที่มา

http://www.lcdtvthailand.com/review/detail.asp?param_id=356

online shop